ก็ไม่คิดไม่ฝันเลยนะว่าชีวิตนี้จะต้องกลับมาวนเวียนกับอีเรื่อง คะแนน TOEIC อีกจนได้ คือแบบ…อายุอานามก็ไม่ใช่น้อยๆ แล้ว นึกว่าจะได้พักผ่อนหย่อนใจกับเรื่องสอบๆ พวกนี้ไปแล้วซะอีก แต่ก็นั่นแหละครับ ชีวิตมันคาดเดาอะไรไม่ได้จริงๆ
จุดเริ่มต้นของเรื่องวุ่นๆ
เรื่องของเรื่องมันเริ่มจากมีโอกาสงานใหม่ลอยมาแบบไม่ทันให้ตั้งตัวเลยครับ เป็นงานที่ดูน่าสนใจมาก แต่ไอ้เจ้ากรรมนายเวรคือ…ดันระบุในคุณสมบัติว่า “ขอผลคะแนน TOEIC” ซะงั้น! ตอนแรกก็คิดในใจ “เอาอีกแล้วเหรอวะเนี่ย” คะแนนเก่าที่มีน่ะเหรอครับ? หมดอายุไปตั้งแต่สมัยพระเจ้าเหาแล้วมั้ง ฮ่าๆๆ คือมันนานจนลืมไปแล้วว่าเคยไปสอบมาด้วย

ทีนี้ก็งานเข้าสิครับ ต้องเริ่มกระบวนการใหม่หมด ตั้งแต่หาข้อมูลศูนย์สอบ รอบสอบ วิธีการสมัคร ซึ่งบอกตามตรงว่าแค่คิดก็เหนื่อยแล้ว ยิ่งสมัยนี้อะไรๆ ก็ดูซับซ้อนขึ้นไปหมด เว็บเอย แอปเอย เยอะแยะจนตาลาย
ไอ้เรื่องเตรียมตัวสอบเนี่ยนะ…พูดแล้วก็ขำ
ถามว่าเตรียมตัวยังไง? อันนี้เป็นคำถามที่ตอบยากมากครับ คือด้วยความที่เวลามันก็กระชั้นเข้ามา บวกกับความขี้เกียจส่วนตัวนิดหน่อย (ยอมรับแบบไม่อาย) การเตรียมตัวของผมเลยออกแนว…เอ่อ…ตามมีตามเกิดครับ
- ขุดหนังสือเก่า: ไปรื้อกองหนังสือเก่าๆ ที่เคยซื้อไว้สมัยละอ่อนนู่น มาปัดฝุ่น เปิดๆ พลิกๆ ดูผ่านๆ ให้พอคุ้นตา
- แอปพลิเคชันตัวช่วย: โหลดแอปมาลองทำข้อสอบดูบ้าง สองสามชุด ทำไปสัปหงกไปบ้างก็มี
- ยูทูปช่วยชีวิต: อันนี้พอได้ดูบ้าง พวกคลิปสอนเทคนิคสั้นๆ แต่ก็ดูแบบผ่านๆ อีกนั่นแหละครับ
สรุปคือ ไม่ได้จริงจังอะไรมากมาย อาศัยบุญเก่า (ถ้ามี) กับดวงล้วนๆ เพราะคิดว่ายังไงซะ ภาษาอังกฤษมันก็อยู่ในชีวิตประจำวันเราอยู่แล้วบ้างแหละน่า…มั้งนะ? ตอนนั้นคือแบบ… เอาวะ! ลองดูซักตั้ง!
วันจริง…สนามจริง…ประสบการณ์ที่ไม่อยากจำ
พอถึงวันสอบนี่สิครับ ของจริง! ตื่นแต่เช้าตรู่ เดินทางไปศูนย์สอบ เจอผู้คนมากมายที่ดูมุ่งมั่นตั้งใจกันสุดๆ ไอ้เราก็พยายามทำใจให้สบายๆ นะ แต่พอเข้าไปในห้องสอบ บรรยากาศมันก็พาตึงเครียดขึ้นมาทันที
พาร์ทฟัง (Listening) นี่ไม่ต้องพูดถึงเลยครับ บางอันก็ฟังชัดเจนดี แต่บางอันนี่คือ…เสียงมันตีกันในหูไปหมด จับใจความแทบไม่ได้ ได้แต่มั่วๆ เดาๆ ไปตามเรื่องตามราว หูอื้อตาลายไปหมด
ส่วน พาร์ทอ่าน (Reading) นี่ก็แข่งกับเวลาสุดชีวิต อ่านไป ตาก็เหลือบมองนาฬิกาไป กลัวทำไม่ทัน เนื้อเรื่องก็ยาวเหยียด คำศัพท์บางคำก็ไม่คุ้นตาเลย ให้ตายสิ! ตอนทำเสร็จนี่คือหมดสภาพ เหมือนเพิ่งไปวิ่งมาราธอนมายังไงยังงั้น
แล้วผลลัพธ์ที่ได้ล่ะ? ลุ้นยิ่งกว่าหวย
หลังจากทรมานทรกรรมตัวเองในสนามสอบไปแล้ว ก็ต้องมารอลุ้นผลอีกหลายวัน ช่วงรอนี่คือใจคอไม่ดีเลยครับ คิดไปต่างๆ นานา ว่าคะแนนจะออกมาเป็นยังไง จะพอใช้ยื่นงานได้มั้ย หรือจะต้องเสียเงินเสียเวลาไปสอบใหม่อีกรอบ
พอถึงวันที่เค้านัดให้ไปรับผลคะแนนได้นี่…โอ้โห! ตื่นเต้นกว่าตอนไปสอบอีกมั้ง เดินเข้าไปรับใบคะแนนด้วยใจที่เต้นตุ้มๆ ต่อมๆ พอได้ซองมาอยู่ในมือนี่ ค่อยๆ เปิดดูแบบกล้าๆ กลัวๆ
แล้วก็…ป๊าดดด! คะแนนที่ออกมาก็…ถือว่ารอดตัวไปแบบหวุดหวิดครับ ไม่ได้สูงลิ่วจนน่าตกใจ แต่ก็ไม่ถึงกับต่ำเตี้ยเรี่ยดินจนต้องเอาปี๊บคลุมหัว พอให้เอาไปยื่นสมัครงานได้แบบไม่น่าเกลียดเท่าไหร่ เฮ้อ…โล่งอกไปที!

บทสรุปจากประสบการณ์ตรง (ที่ไม่อยากเจออีก)
สุดท้ายนี้ ถ้าจะให้สรุปประสบการณ์การ “ขอคะแนน TOEIC” ครั้งล่าสุดของผม ก็คงต้องบอกว่ามันเป็นอะไรที่…เหนื่อยครับ! เหนื่อยทั้งกาย เหนื่อยทั้งใจ แต่ในเมื่อมันจำเป็นสำหรับโอกาสที่เราต้องการ ก็คงต้องกัดฟันทำมันไป
สำหรับใครที่กำลังจะไปสอบ หรือมีความจำเป็นต้องใช้คะแนน TOEIC ก็ขอเป็นกำลังใจให้นะครับ เตรียมตัวให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ แล้วก็พกความมั่นใจ (กับดวงนิดหน่อย) เข้าห้องสอบไปด้วย ส่วนตัวผมเอง หวังลึกๆ ว่านี่จะเป็นการข้องเกี่ยวกับ TOEIC ครั้งสุดท้ายในชีวิตแล้วจริงๆ นะครับ ฮ่าๆๆ ไม่อยากจะเจออีกแล้ว ให้ตายเถอะ!