สวัสดีครับเพื่อนๆ วันนี้อยากมาแชร์ประสบการณ์ตรงเลยกับเรื่อง o2 sat เนี่ยแหละครับ คือตอนแรกๆ ผมก็งงๆ นะ ได้ยินคนพูดกันเยอะแยะ โดยเฉพาะช่วงที่ฝุ่นเยอะๆ หรือมีโรคระบาดเนี่ย คำนี้โผล่มาบ่อยมาก ไอ้เราก็คนธรรมดา ไม่ใช่หมอ ไม่ใช่พยาบาล ก็เลยสงสัยว่ามันคืออะไรกันแน่ สำคัญยังไง
จุดเริ่มต้นความสงสัยของผม
เรื่องมันเริ่มจากที่บ้านนี่แหละครับ มีช่วงนึงที่คนในครอบครัวไม่ค่อยสบาย ไอติดต่อกันหลายวัน ตอนนั้นก็กังวลเนอะ แล้วก็เห็นในข่าว ในโซเชียล เค้าพูดถึงค่า o2 sat ตกกันเยอะแยะ ตอนนั้นยอมรับเลยว่าไม่รู้เรื่องจริงๆ ว่ามันคืออะไร ได้แต่เดาๆ เอาว่าคงเกี่ยวกับออกซิเจนในร่างกายแน่ๆ

ลงมือหาข้อมูลแบบบ้านๆ
พอสงสัยมากๆ เข้า ผมก็เลยลองไปหาข้อมูลดูครับ ไม่ได้ไปเปิดตำราแพทย์อะไรจริงจังนะ อาศัยถามเพื่อนที่เป็นพยาบาลบ้าง ดูคลิปในยูทูบที่เค้าอธิบายง่ายๆ บ้าง แล้วก็อ่านตามเว็บสุขภาพทั่วไปนี่แหละครับ พยายามหาอันที่มันภาษาชาวบ้าน เข้าใจง่ายๆ
จากการสืบค้นของผม ผมก็พอจะจับใจความได้ว่า…
o2 sat หรือ Oxygen Saturation เนี่ย มันก็คือค่าความอิ่มตัวของออกซิเจนในเลือดเรานี่เอง พูดง่ายๆ คือ มันบอกว่าในเลือดแดงของเราเนี่ย มีออกซิเจนเกาะอยู่มากน้อยแค่ไหน ถ้ามีออกซิเจนเยอะ ร่างกายเราก็สดชื่น เซลล์ต่างๆ ทำงานได้ดี แต่ถ้าออกซิเจนน้อย ก็อาจจะมีปัญหาตามมาได้
แล้ววัดกันยังไงล่ะ?
ทีนี้พอรู้แล้วว่ามันคืออะไร คำถามต่อมาคือ แล้วเค้าวัดกันยังไง? ผมก็ไปเจอว่ามันมีเครื่องมือเล็กๆ อันนึง ที่เค้าเรียกกันติดปากว่า “เครื่องวัดออกซิเจนปลายนิ้ว” หน้าตาเหมือนคลิปหนีบผ้าอันเล็กๆ นั่นแหละครับ เจ้าเครื่องนี้แหละที่เอาไว้วัด o2 sat
วิธีใช้ก็ง่ายมากครับ
- แค่เอานิ้วเราสอดเข้าไปในเครื่อง
- กดปุ่มเปิด (บางรุ่นก็อัตโนมัติ)
- รอแป๊บนึง ตัวเลขมันก็จะขึ้นมาบนหน้าจอ
ผมก็เลยไปลองหาซื้อมาติดบ้านไว้เครื่องนึงครับ เอาจริงๆ ตอนซื้อก็ไม่ได้คิดอะไรมาก คิดแค่ว่ามีไว้อุ่นใจกว่า อย่างน้อยถ้ามีใครไม่สบาย เราจะได้พอรู้ค่าเบื้องต้นได้
ประสบการณ์ลองใช้จริง
พอได้เครื่องมา ผมก็ลองกับตัวเองก่อนเลยครับ หนีบนิ้วชี้เข้าไป แป๊บเดียวเลขก็ขึ้นมา ตอนนั้นได้ประมาณ 98-99% ก็โอเค สบายใจไปเปลาะนึง จากนั้นก็ลองวัดให้คนในบ้านดู ก็ได้ค่าใกล้เคียงกัน
มีอยู่ช่วงนึงที่ลูกผมไม่สบาย มีไข้ ไอเยอะ ผมก็ลองเอาเครื่องนี้วัดดูเรื่อยๆ ครับ เช้า กลางวัน เย็น ก่อนนอน คือมันก็ไม่ได้ช่วยรักษาโรคหรอกนะ แต่มันช่วยให้เราพอจะประเมินสถานการณ์เบื้องต้นได้ว่า เอ้อ ลูกเรายังโอเคอยู่ไหม ออกซิเจนยังดีอยู่หรือเปล่า ถ้าค่ามันเริ่มต่ำลงแปลกๆ หรือมีอาการอื่นร่วมด้วย เช่น หอบเหนื่อย ซึมลง อันนี้ก็จะเป็นสัญญาณให้เรารีบพาไปหาหมอได้ทันท่วงที
ผมจำได้ว่ามีครั้งนึง ค่าของลูกมันลงไปแถวๆ 94-95% ตอนนั้นก็ใจตุ้มๆ ต่อมๆ แล้วนะ แต่ก็ดูอาการอื่นประกอบ ลูกยังเล่นได้ กินได้ ไม่ได้ดูซึมมาก ก็เลยยังเฝ้าระวังดูอาการต่อไป แล้วค่ามันก็ค่อยๆ ดีดกลับขึ้นมาเอง แต่ถ้ามันต่ำกว่านี้อีก หรือมีอาการไม่ดี ผมก็พร้อมจะพาไปโรงพยาบาลทันที
ข้อควรรู้ที่ผมเจอมากับตัวคือ บางทีถ้าแบตเตอรี่เครื่องมันอ่อน หรือนิ้วเราเย็นมากๆ หรือทาเล็บสีเข้มๆ เนี่ย ค่ามันก็อาจจะเพี้ยนได้เหมือนกันนะครับ เคยเจอว่าวัดแล้วค่าต่ำผิดปกติ พอเปลี่ยนถ่าน หรือทำให้นิ้วอุ่นขึ้น ค่าก็กลับมาปกติก็มี
สรุปจากประสบการณ์ตรง
สำหรับผมแล้วเนี่ย เจ้า o2 sat มันก็เหมือนเป็นอีกหนึ่งเครื่องมือที่ช่วยให้เราดูแลสุขภาพของตัวเองและคนในครอบครัวได้ดีขึ้นในระดับนึงครับ มันไม่ได้วิเศษวิโสอะไรขนาดนั้น แต่การที่เราเข้าใจว่ามันคืออะไร มีไว้ทำไม และอ่านค่ามันเป็น ก็ช่วยให้เราไม่ตื่นตระหนกจนเกินไป และรู้ว่าเมื่อไหร่ที่ควรจะต้องไปขอความช่วยเหลือจากคุณหมอ
ก็ประมาณนี้แหละครับ ประสบการณ์ของผมกับเรื่อง o2 sat หวังว่าจะเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆ บ้างไม่มากก็น้อยนะครับ ใครมีประสบการณ์อะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ก็มาแชร์กันได้เลยนะครับ