สวัสดีครับทุกคน วันนี้อยากจะมาแชร์ประสบการณ์ตรงๆ เลยกับเรื่อง sat ค่า สอบ เนี่ยแหละ ตอนนั้นลูกชายกำลังจะสอบ SAT โอ้โห เรียกว่าวุ่นวายหาข้อมูลกันพอสมควรเลยครับ โดยเฉพาะเรื่องเงินๆ ทองๆ เนี่ย
เริ่มจากตรงไหนดีล่ะ?
ตอนแรกเลยนะ ผมก็เหมือนพ่อแม่คนอื่นๆ นั่นแหละ ก็ต้องเริ่มจากการตะลุยเข้าไปในเว็บไซต์ของ College Board ที่เป็นคนจัดสอบ SAT โดยตรงเลย ก็นั่งงมๆ หาข้อมูลอยู่พักใหญ่เลยล่ะครับ เพราะรายละเอียดมันเยอะพอสมควรเลย

คือมันไม่ได้มีแค่ว่า “ค่าสอบ SAT ราคาเท่านี้” จบนะ มันมีอะไรจุกจิกเยอะกว่าที่เราคิดไว้ตอนแรกอีก
แล้วค่าสอบมันมีอะไรบ้าง?
หลักๆ ที่เจอแล้วต้องจ่ายแน่ๆ ก็คือ:
- ค่าสอบพื้นฐาน (SAT Test Fee): อันนี้เป็นตัวหลักเลย ยังไงก็ต้องจ่าย ถ้าไม่จ่ายก็ไม่ได้สอบ ฮ่าๆ
- ค่าสอบส่วนการเขียน (SAT with Essay Fee): ถ้าลูกใครอยากจะสอบส่วน Essay ด้วย อันนี้ก็ต้องจ่ายเพิ่มนะ ตอนนั้นลูกผมก็เลือกสอบแบบมี Essay ด้วย ราคาก็จะขยับขึ้นไปอีกสเต็ป
แต่เรื่องมันไม่จบแค่นั้นสิครับ มันจะมีพวกค่าธรรมเนียมอื่นๆ ที่อาจจะโผล่มาได้อีก อย่างเช่น:
- ค่าสมัครล่าช้า (Late Registration Fee): อันนี้ถ้าใครสมัครไม่ทันรอบปกติ ก็ต้องโดนค่าปรับตรงนี้เพิ่มไปอีก จำได้ว่าตอนนั้นก็พยายามดูเดดไลน์ให้ดีๆ เลย ไม่อยากเสียเงินเพิ่มโดยไม่จำเป็น
- ค่าเปลี่ยนแปลงวันสอบ/สนามสอบ (Change Fee): เกิดเปลี่ยนใจอยากจะเลื่อนวัน หรือย้ายที่สอบ ก็มีค่าใช้จ่ายนะ ไม่ใช่เปลี่ยนกันได้ฟรีๆ
- ค่าส่งคะแนนเพิ่มเติม (Additional Score Reports): ตอนสมัครเขาก็จะมีให้ส่งฟรีได้กี่ที่นี่แหละ แต่ถ้าอยากส่งไปหลายๆ มหาวิทยาลัยมากกว่านั้น ก็ต้องจ่ายเพิ่มเป็นรายที่ไป
รวมๆ แล้วตอนนั้นก็ทำเอาเหงื่อตกเหมือนกันนะ คำนวณไปมา โอ้โห… หลายพันบาทอยู่เหมือนกัน คิดในใจว่านี่แค่ค่าสอบนะเนี่ย ยังไม่รวมค่าเรียนพิเศษ ค่าหนังสือ ค่าเดินทางอีกสารพัด
ประสบการณ์ที่อยากแชร์
ตอนนั้นก็มีคุยกับเพื่อนๆ ที่ลูกๆ เขาก็อยู่ในวัยเดียวกัน เตรียมตัวสอบเหมือนกัน ทุกคนก็เป็นเสียงเดียวกันเลยครับว่า ค่าใช้จ่ายเรื่องการศึกษาลูกนี่มันไม่ธรรมดาจริงๆ โดยเฉพาะถ้าตั้งใจจะให้ไปเรียนต่อนอกนี่คือเตรียมตัวกระเป๋าฉีกได้เลย
ไอ้เรื่องค่าสอบ SAT เนี่ย มันเหมือนเป็นแค่ด่านแรกๆ เลยนะ ที่พ่อแม่ต้องเจอ มันทำให้เราเห็นภาพเลยว่าเส้นทางการศึกษาของลูกมันมีรายละเอียดเยอะแยะเต็มไปหมด ไม่ใช่แค่เรื่องเรียนเก่งอย่างเดียว เรื่องการจัดการ การวางแผนการเงินก็สำคัญไม่แพ้กัน
ผมว่าการที่เราต้องมานั่งหาข้อมูลเรื่องค่าสอบเอง จัดการเรื่องการสมัครเอง มันก็เป็นประสบการณ์อย่างหนึ่งนะ ทำให้เราเข้าใจกระบวนการมากขึ้น แล้วก็จะได้เตรียมตัว เตรียมเงินไว้แต่เนิ่นๆ จะได้ไม่ฉุกละหุกตอนใกล้ๆ
บางคนอาจจะคิดว่าทำไมมันยุ่งยากจัง ทำไมค่าธรรมเนียมมันเยอะแยะไปหมด แต่ก็นั่นแหละครับ ในเมื่อมันเป็นระบบของเขา เราก็ต้องทำตามกติกา เพื่อโอกาสของลูกเราเอง
สรุปส่งท้าย
ก็อยากจะฝากถึงพ่อแม่ผู้ปกครองท่านอื่นๆ ที่กำลังเตรียมตัวให้ลูกสอบ SAT นะครับว่า ลองเข้าไปศึกษาข้อมูลค่าใช้จ่ายต่างๆ ในเว็บไซต์ของ College Board ให้ละเอียดเลยนะครับ จะได้วางแผนการเงินถูก แล้วก็อย่าลืมดูพวกกำหนดการต่างๆ ให้ดี จะได้ไม่พลาดแล้วต้องมาเสียค่าธรรมเนียมเพิ่มโดยไม่จำเป็น
ประสบการณ์ของผมก็ประมาณนี้แหละครับ หวังว่าจะเป็นประโยชน์กับคนที่กำลังหาข้อมูลเรื่องนี้อยู่บ้างไม่มากก็น้อยนะครับ สู้ๆ ครับทุกคน!