สวัสดีครับทุกคน วันนี้อยากมาแชร์ประสบการณ์ตรงเลยกับการสอบ GMAT ของตัวเอง เผื่อจะเป็นประโยชน์กับใครที่กำลังมองหาข้อมูลหรือกำลังท้อใจอยู่บ้างนะครับ ต้องบอกก่อนว่าผมเองก็ไม่ได้เป็นคนเก่งกาจอะไรมากมาย อาศัยลูกถึกลูกชนและความพยายามล้วนๆ ครับ
จุดเริ่มต้นของการเดินทาง GMAT ของผม
เรื่องมันเริ่มมาจากความคิดที่ว่าอยากจะเรียนต่อ MBA ครับ ตอนนั้นก็คิดอยู่นานนะ ว่าจะเอาไงดีกับชีวิต อยากจะอัปเกรดตัวเอง เพิ่มความรู้ เปิดโลกทัศน์ใหม่ๆ พอตัดสินใจได้ว่าเอาล่ะ! MBA นี่แหละคือเป้าหมายต่อไป คำถามต่อมาก็คือ แล้วต้องทำอะไรบ้าง? คำตอบแรกที่ผุดขึ้นมาเลยก็คือ “สอบ GMAT” ครับ

เตรียมตัวยังไง? เริ่มจากศูนย์เลยก็ว่าได้
บอกตามตรงนะ ตอนแรกมึนตึ้บเลยครับ ไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหน GMAT คืออะไร? สอบอะไรบ้าง? ยากไหม? คะแนนเท่าไหร่ถึงจะดี? คำถามเต็มหัวไปหมด ผมก็เริ่มจากอะไรง่ายๆ ก่อนเลยครับ
- หาข้อมูลพื้นฐาน: เปิดอินเทอร์เน็ตนี่แหละครับ นั่งอ่านรีวิว อ่านประสบการณ์คนอื่นว่าเขาเตรียมตัวกันยังไง ทำความเข้าใจโครงสร้างข้อสอบว่ามีส่วนไหนบ้าง Verbal, Quant, IR, AWA แต่ละส่วนวัดอะไร
- ลงสนามจริง (แบบไม่เป็นทางการ): ลองหาข้อสอบเก่าๆ หรือตัวอย่างข้อสอบในเน็ตมาลองทำดูครับ โอ้โห…รอบแรกนี่ไม่ต้องพูดถึงเลยครับ เละ! ทำแทบไม่ได้ โดยเฉพาะส่วน Quant กับ Verbal นี่คือปวดหัวตึ้บๆ เลยครับ รู้สึกเหมือนตัวเองโง่ไปเลย (ฮา)
- ซื้อหนังสือ: หลังจากพอรู้แนวทางบ้างแล้ว ก็ไปลุยหาซื้อหนังสือครับ ที่ฮิตๆ กันก็หนีไม่พ้นพวก Official Guide (OG) ทั้งหลายแหล่ เล่มหนาเตอะ เห็นแล้วท้อ แต่ก็ต้องกัดฟันซื้อมาครับ แล้วก็มีหนังสือแยกเฉพาะส่วนพวก Quant Review, Verbal Review อีก
- จัดตาราง (พยายามจะจัด): อันนี้สำคัญมาก แต่ก็ทำยากมากเช่นกันครับ ผมพยายามจะแบ่งเวลาหลังเลิกงาน กับวันเสาร์-อาทิตย์มาอ่านหนังสือ ทำโจทย์ แรกๆ ก็ไฟแรงครับ หลังๆ ชักจะแผ่วบ้าง มีหลุดบ้าง ก็ต้องคอยดึงตัวเองกลับมา
- เจาะลึกแต่ละส่วน:
- Quant: ส่วนนี้สำหรับผมถือว่าหินพอสมควรเลยครับ พื้นฐานเลข ม.ปลาย ที่เคยเรียนมานี่แทบจะคืนอาจารย์ไปหมดแล้ว (ฮา) ก็ต้องมารื้อฟื้นกันใหม่หมดเลยครับ ตั้งแต่เรื่องเลขคณิต พีชคณิต เรขาคณิต ยันพวกโจทย์ปัญหาทั้งหลาย เน้นทำโจทย์เยอะๆ จับแนวทางให้ได้ว่าเขาชอบออกอะไร หลอกตรงไหน
- Verbal: ส่วนนี้ก็โหดไม่แพ้กัน โดยเฉพาะ Sentence Correction (SC) นี่แกรมม่าล้วนๆ เลยครับ ต้องแม่นกฎพอสมควร Reading Comprehension (RC) ก็ต้องอ่านจับใจความให้เร็ว Critical Reasoning (CR) ก็ต้องคิดวิเคราะห์หาเหตุผล ผมใช้วิธีอ่านเยอะๆ ทำโจทย์เยอะๆ แล้วก็พยายามทำความเข้าใจว่าทำไมข้อนี้ถึงถูก ข้อนี้ถึงผิด
- IR (Integrated Reasoning) กับ AWA (Analytical Writing Assessment): สองส่วนนี้ผมให้เวลาน้อยกว่าสองส่วนแรกหน่อย แต่ก็ไม่ทิ้งนะครับ IR ก็ฝึกทำโจทย์จาก OG ดูแนวทาง ส่วน AWA ก็ลองเขียนตาม template ที่เขาแนะนำ ฝึกจับเวลาดูครับ
- ทำข้อสอบจำลอง: พอเริ่มรู้สึกว่าตัวเองพอไปวัดไปวาได้บ้างแล้ว ก็เริ่มทำข้อสอบจำลองครับ พวก GMAT Prep ที่เป็น official software นี่สำคัญมาก เพราะมันจะเหมือนข้อสอบจริงที่สุด ทำแล้วก็มานั่งวิเคราะห์จุดอ่อน จุดแข็งของตัวเองว่าต้องไปเน้นตรงไหนเพิ่ม
ช่วงท้อใจและกัดฟันสู้
ต้องยอมรับเลยครับว่ามีช่วงที่แบบ…อยากจะเททุกสิ่งอย่าง รู้สึกว่าทำไมมันยากจังวะ อ่านไปก็ลืม ทำโจทย์ก็ผิด คะแนน mock test ก็ไม่ขึ้นซะที เหนื่อยก็เหนื่อย ท้อก็ท้อ แต่พอคิดถึงเป้าหมายที่ตั้งไว้ คิดถึงอนาคต ก็ต้องฮึดสู้ครับ บอกตัวเองว่าคนอื่นทำได้ เราก็ต้องทำได้สิวะ! ช่วงนี้กำลังใจจากคนรอบข้างสำคัญมากครับ ผมโชคดีที่มีครอบครัวกับเพื่อนๆ คอยให้กำลังใจ
วันจริงในสนามสอบ
ก่อนวันสอบจริงพยายามพักผ่อนให้เพียงพอครับ ทำสมองให้โล่งๆ ไปถึงสนามสอบก็ทำตามขั้นตอนที่เจ้าหน้าที่แนะนำ บรรยากาศในห้องสอบค่อนข้างเคร่งเครียดครับ ทุกคนตั้งใจกันมาก ตอนทำข้อสอบก็พยายามมีสมาธิ ทำให้เต็มที่ที่สุดเท่าที่จะทำได้ครับ บริหารเวลาดีๆ ส่วนไหนทำไม่ได้จริงๆ ก็ต้องตัดใจข้ามไป อย่าไปจมอยู่กับข้อเดียวนานเกินไป
ผลลัพธ์และสิ่งที่ได้เรียนรู้
หลังจากสอบเสร็จ รอผลคะแนนออกนี่ลุ้นตัวโก่งเลยครับ พอผลออกมาก็…โล่งอกไปเปราะหนึ่งครับ แม้คะแนนอาจจะไม่ได้เลิศเลอเพอร์เฟค แต่ก็เป็นคะแนนที่เราพยายามทำมันมาด้วยตัวเอง สิ่งที่ได้เรียนรู้จากการเตรียมตัวสอบ GMAT ครั้งนี้มันมากกว่าแค่ความรู้ในตำราครับ มันคือเรื่องของวินัย ความอดทน การจัดการเวลา การเอาชนะใจตัวเอง มันเป็นประสบการณ์ที่หนักหนาเอาการ แต่ก็คุ้มค่าครับ
ก็หวังว่าเรื่องราวของผมจะเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆ ที่กำลังจะสอบ GMAT หรือกำลังคิดจะสอบอยู่นะครับ อย่าเพิ่งท้อถอยครับ มันอาจจะยาก แต่มันไม่เกินความพยายามของเราแน่นอน สู้ๆ นะครับ!