สวัสดีครับทุกคน! วันนี้อยากจะมาเล่าประสบการณ์ตรงของตัวเองเลย ตอนที่หัวหมุนกับการหาที่เรียน GMAT เนี่ยแหละครับ ว่ามันเป็นยังไง เริ่มจากตรงไหน แล้วไปจบที่ตรงไหน เผื่อจะเป็นประโยชน์กับคนที่กำลังมองหาอยู่บ้างไม่มากก็น้อย
จุดเริ่มต้นของการตามล่าหาที่เรียน GMAT
เรื่องมันเริ่มจากตอนนั้นผมตัดสินใจแล้วว่าจะไปเรียนต่อโทต่างประเทศ ทีนี้ไอ้เจ้า GMAT เนี่ยมันก็เป็นด่านสำคัญที่ต้องสอบให้ผ่านให้ได้ ตอนแรกก็มึนตึ้บเลยครับ ไม่รู้จะเริ่มยังไง จะอ่านเองก็กลัวจะไม่รอด เพราะพื้นฐานก็ไม่ได้แน่นอะไรขนาดนั้น แถมทำงานไปด้วย เวลาเตรียมตัวก็น้อยอีก เลยคิดว่าเออ ไปหาที่เรียนพิเศษดีกว่า น่าจะช่วยย่นระยะเวลาแล้วก็มีคนคอยไกด์ให้

ลงสนามจริง: ความวุ่นวายของการเลือก
พอตัดสินใจได้แล้วว่าจะเรียนพิเศษ ทีนี้ก็เริ่มปฏิบัติการค้นหาเลยครับ โอ้โห! เปิดเน็ตดูก็ตาลาย มีให้เลือกเยอะแยะไปหมด ทั้งสถาบันใหญ่ๆ ชื่อดังที่โฆษณากันครึกโครม สถาบันเล็กๆ ที่ดูอบอุ่นเป็นกันเองหน่อย หรือแม้กระทั่งติวเตอร์เดี่ยวๆ ที่รับสอนแบบตัวต่อตัวก็มี ตอนนั้นในหัวนี่ตีกันยุ่งไปหมดเลยครับว่าจะเลือกที่ไหนดี
ผมก็เริ่มลิสต์สิ่งที่ตัวเองต้องการออกมาประมาณนี้ครับ:
- สไตล์การสอน: อันนี้สำคัญมาก ผมอยากได้ที่ที่สอนเข้าใจง่าย ไม่ใช่เอาแต่ท่องจำสูตร เน้นให้เข้าใจคอนเซ็ปต์จริงๆ เพราะ GMAT มันวัดตรรกะพอสมควรเลย
- อาจารย์ผู้สอน: อยากได้คนที่มีประสบการณ์สอน GMAT มาโดยตรง แล้วก็มีเทคนิคดีๆ มาแชร์ ไม่ใช่แค่สอนตามตำราไปเรื่อยๆ
- บรรยากาศการเรียน: ผมไม่ชอบห้องเรียนใหญ่ๆ คนเยอะๆ รู้สึกว่ามันไม่ทั่วถึง อยากได้คลาสที่ไม่ใหญ่มาก อาจารย์จะได้ดูแลได้ทั่วถึงหน่อย
- ค่าใช้จ่าย: อันนี้ก็เป็นปัจจัยสำคัญเหมือนกัน ก็ต้องดูงบประมาณที่เราตั้งไว้ด้วย
- การเดินทาง: ก็อยากได้ที่ที่เดินทางสะดวกหน่อย ไม่ไกลบ้านหรือที่ทำงานมากเกินไป
ลองผิดลองถูก: ประสบการณ์จากหลายที่
หลังจากลิสต์ความต้องการของตัวเองออกมาแล้ว ผมก็เริ่มตระเวนดูตามที่ต่างๆ ครับ บางที่ก็โทรไปสอบถามข้อมูลก่อน บางที่ก็แวะเข้าไปดูสถานที่จริงเลย ได้เห็นบรรยากาศคร่าวๆ ได้คุยกับเจ้าหน้าที่บ้าง
ยอมรับเลยว่าบางที่เข้าไปแล้วก็รู้สึกว่าไม่ใช่ทางของเรา อย่างบางสถาบันใหญ่ๆ ดูเป็นธุรกิจจ๋ามากเกินไป คนเยอะ พลุกพล่าน หรือบางที่อาจารย์ดูเด็กมาก ประสบการณ์อาจจะยังไม่เยอะเท่าไหร่ ก็มีแอบหวั่นๆ เหมือนกัน ส่วนพวกคอร์สออนไลน์ตอนนั้นผมยังไม่ค่อยอินเท่าไหร่ เพราะรู้สึกว่าตัวเองต้องการคนมาจี้ มากระตุ้นมากกว่าเรียนด้วยตัวเองผ่านหน้าจอ
ผมใช้เวลาอยู่พักใหญ่เลยครับกับการเลือกที่เรียน GMAT เนี่ย เพราะคิดว่ามันเป็นการลงทุนอย่างหนึ่งเหมือนกัน ทั้งเงินทั้งเวลา ถ้าเลือกผิด ชีวิตเปลี่ยนเลยนะ (ฮ่าๆ อันนี้ก็พูดเว่อร์ไป)
บทสรุป: ที่นี่แหละ ใช่เลย!
สุดท้าย หลังจากที่ดูมาหลายที่ ลองเปรียบเทียบข้อดีข้อเสียของแต่ละแห่ง ผมก็มาลงตัวกับที่เรียนแห่งหนึ่งครับ ไม่ขอเอ่ยชื่อแล้วกันเนอะ เดี๋ยวจะหาว่าโฆษณา แต่เหตุผลหลักๆ ที่ผมเลือกที่นี่ก็เพราะ:
- อาจารย์เก่งจริง: พอได้ลองคุย ได้เห็นแนวทางการสอนแล้วรู้สึกว่า เออ อาจารย์คนนี้มีของ สอนสนุก เข้าใจง่าย มีเทคนิคแพรวพราวมาก
- คลาสไม่ใหญ่: จำนวนนักเรียนต่อห้องกำลังดี ทำให้รู้สึกว่าอาจารย์ดูแลทั่วถึง ถามตอบข้อสงสัยได้ตลอด
- เน้นความเข้าใจ: ที่นี่เขาไม่ได้สอนให้จำอย่างเดียว แต่เน้นให้เข้าใจที่มาที่ไปของแต่ละเรื่อง ซึ่งมันดีมากๆ สำหรับการสอบ GMAT
- เพื่อนร่วมคลาสโอเค: อันนี้เป็นผลพลอยได้ บรรยากาศในห้องเรียนดี เพื่อนๆ ก็ช่วยกันเรียน ช่วยกันติว
พอได้เริ่มเรียนจริงๆ ก็ไม่ผิดหวังครับ รู้สึกว่าตัวเองพัฒนาขึ้นเยอะ จากที่เคยงงๆ กับโจทย์บางประเภท ก็เริ่มจับทางได้ มองเห็นภาพรวมมากขึ้น เทคนิคที่อาจารย์ให้มาก็เอาไปใช้ได้จริงในสนามสอบ
ฝากถึงคนกำลังหาที่เรียน GMAT
ก็อยากจะบอกว่า การหาที่เรียน GMAT ที่ “ดี” เนี่ย มันไม่มีสูตรสำเร็จตายตัวหรอกครับ ที่ที่ดีที่สุดสำหรับคนอื่น อาจจะไม่ใช่ที่ดีที่สุดสำหรับเราก็ได้ สิ่งสำคัญคือเราต้องรู้ความต้องการของตัวเองก่อนว่าอยากได้อะไร สไตล์การเรียนแบบไหนที่เหมาะกับเรา งบประมาณเท่าไหร่ แล้วก็ค่อยๆ หาข้อมูล เปรียบเทียบดูหลายๆ ที่ อย่าเพิ่งรีบร้อนตัดสินใจ
ลองเข้าไปคุย ไปดูสถานที่จริง ถ้ามีคลาสทดลองเรียนได้ก็ลองดูเลยครับ มันจะช่วยให้เราเห็นภาพชัดเจนขึ้นเยอะ สุดท้ายแล้ว ผมเชื่อว่าถ้าเราตั้งใจจริงและเลือกที่เรียนที่เหมาะกับตัวเองได้ การสอบ GMAT ก็ไม่ใช่เรื่องยากเกินไปแน่นอนครับ ขอให้ทุกคนโชคดีกับการเตรียมตัวนะครับ!
