สวัสดีครับเพื่อนๆ วันนี้ผมจะมาแชร์ประสบการณ์ตรงเลยนะ กับเรื่องการไปตะลุยหาที่สอบ GMAT ในกรุงเทพฯ เนี่ยแหละ คือตอนแรกก็คิดว่าหมูๆ ง่ายๆ เดี๋ยวก็เจอ แต่เอาเข้าจริงแล้วเนี่ย… มันก็มีเรื่องให้ต้องจัดการเยอะเหมือนกันนะ ไม่ได้ชิลล์อย่างที่คิดไว้เลย
จุดเริ่มต้นของการผจญภัย
เรื่องของเรื่องคือผมตัดสินใจว่าจะต้องสอบ GMAT ให้ได้ เพื่อเอาคะแนนไปยื่นเรียนต่อ ตอนนั้นก็ไฟแรงมาก คิดว่าเดี๋ยวหาข้อมูลแป๊บเดียวก็รู้เรื่องแล้ว แต่พอเริ่มลงมือค้นหาจริงๆ จังๆ เท่านั้นแหละ โอ้โห… ข้อมูลมันเยอะแยะกระจัดกระจายไปหมดเลยคุณเอ๊ย บางที่ก็บอกอย่าง บางเว็บก็บอกอีกอย่าง เล่นเอางงไปพักใหญ่เลย

สิ่งที่ผมทำเป็นอย่างแรกเลยก็คือ:
-
ลิสต์รายชื่อศูนย์สอบที่มีในกรุงเทพฯ ทั้งหมดเท่าที่จะหาได้จากอินเทอร์เน็ต ตอนนั้นก็เปิดหลายเว็บเทียบกันเลยนะ ทั้งเว็บทางการของ GMAT เอง แล้วก็พวกเว็บเอเจนซี่ต่างๆ ที่แนะนำเรื่องเรียนต่อ
-
จากนั้นก็เริ่มโทรศัพท์สอบถาม หรือไม่ก็ส่งอีเมลไปตามศูนย์สอบแต่ละที่เลย เพื่อยืนยันข้อมูลอีกทีว่ามันอัปเดตตรงกันไหม เพราะบางทีข้อมูลในเว็บมันก็เก่าไปแล้ว
ตรงนี้แหละครับที่เริ่มเจอความวุ่นวายเล็กๆ น้อยๆ บางศูนย์ก็ตอบเร็วดี ให้ข้อมูลชัดเจน แต่บางศูนย์นี่สิครับ… รอแล้วรอเล่ากว่าจะตอบ หรือบางทีตอบมาก็ยังไม่เคลียร์ ต้องถามซ้ำไปซ้ำมาอีก เฮ้อ! ตอนนั้นก็แอบท้อใจนิดๆ เหมือนกันนะ
ขั้นตอนการสมัครสอบ และการเตรียมตัว
พอได้ศูนย์สอบที่คิดว่าโอเคแล้ว (ผมเลือกที่เดินทางสะดวก แล้วก็ดูจากรีวิวของคนที่เคยไปสอบมาบ้าง) ขั้นตอนต่อไปก็คือการสมัครสอบผ่านเว็บไซต์ของ GMAC โดยตรงเลย ตรงนี้ก็ต้องใจเย็นๆ ค่อยๆ กรอกข้อมูลให้ถูกต้องครบถ้วนนะ โดยเฉพาะชื่อนามสกุล ต้องตรงกับในพาสปอร์ตเป๊ะๆ เลย ไม่งั้นเดี๋ยวมีปัญหาตอนเข้าห้องสอบจะยุ่งเอา
เรื่องการเลือกวันสอบนี่ก็สำคัญ:
-
ผมพยายามเลือกวันที่ตัวเองพร้อมที่สุด ทั้งเรื่องการเตรียมตัวอ่านหนังสือ แล้วก็เรื่องสภาพร่างกายด้วย พยายามไม่เลือกวันที่ติดธุระสำคัญอื่นๆ
-
แล้วก็ต้องดูด้วยนะว่ารอบสอบมันเต็มเร็วแค่ไหน บางทีเล็งวันไว้แล้ว แต่ชะล่าใจไปหน่อย กลับมาดูอีกที อ้าว… เต็มซะแล้ว! ต้องรีบจองเลยถ้าเจอวันที่ใช่
พอสมัครเสร็จ จ่ายเงินเรียบร้อย ก็ได้อีเมลยืนยันการสมัครสอบมา ตอนนั้นก็โล่งไปเปลาะหนึ่ง แต่ภารกิจยังไม่จบแค่นั้นนะ! เราต้องเตรียมตัวอ่านหนังสือ เตรียมเอกสารสำคัญที่จะต้องเอาไปในวันสอบด้วย หลักๆ ก็คือพาสปอร์ตตัวจริงที่ยังไม่หมดอายุ อันนี้ห้ามลืมเด็ดขาด!

ประสบการณ์ในวันสอบจริง
พอถึงวันสอบจริง ผมก็ไปถึงศูนย์สอบก่อนเวลานัดประมาณหนึ่งชั่วโมงเลยนะ เผื่อเวลาไว้สำหรับเหตุการณ์ไม่คาดฝัน เช่น รถติด หาที่จอดรถไม่เจอ หรืออะไรทำนองนั้น ไปถึงก็ติดต่อเจ้าหน้าที่ ยื่นเอกสารให้เขาตรวจสอบ เขาก็จะให้เราฝากของใช้ส่วนตัวที่ไม่จำเป็นไว้ในล็อกเกอร์ ซึ่งล็อกเกอร์เขาก็มีให้นะ แต่ก็ไม่ได้ใหญ่โตอะไรมาก พกไปแต่ของที่จำเป็นจริงๆ ดีกว่า
จากนั้นเจ้าหน้าที่ก็จะอธิบายกฎระเบียบต่างๆ ในการเข้าห้องสอบ แล้วก็ทำการสแกนลายนิ้วมือ ถ่ายรูปเรา เสร็จแล้วก็นั่งรอเรียกเข้าห้องสอบ บรรยากาศในห้องรอมันก็จะเงียบๆ หน่อย ทุกคนดูตั้งอกตั้งใจ พอถึงคิวเรา เจ้าหน้าที่ก็จะพาไปส่งที่โต๊ะคอมพิวเตอร์ของเรา อธิบายวิธีการใช้งานเบื้องต้นอีกนิดหน่อย แล้วก็เริ่มทำข้อสอบได้เลย
สิ่งที่ผมอยากจะเน้นย้ำสำหรับวันสอบก็คือ:
-
ทำสมาธิให้ดี อย่าตื่นเต้นจนเกินไป
-
บริหารเวลาในการทำข้อสอบแต่ละพาร์ทให้ดี อันนี้สำคัญมากๆ
-
ถ้ามีปัญหาอะไร เช่น คอมพิวเตอร์ค้าง หรืออุปกรณ์มีปัญหา ให้รีบยกมือแจ้งเจ้าหน้าที่คุมสอบทันที อย่าพยายามแก้ไขเอง
พอสอบเสร็จ ออกจากห้องสอบมารู้สึกโล่งมากกกก เหมือนยกภูเขาออกจากอก แต่ก็ยังต้องมารอลุ้นผลคะแนนอย่างเป็นทางการอีกที ซึ่งเขาก็จะแจ้งให้ทราบหลังจากนั้นไม่นาน
สรุปแล้วเนี่ย การไปสอบ GMAT ที่กรุงเทพฯ มันก็ไม่ได้ยากเย็นอะไรขนาดนั้นหรอกครับเพื่อนๆ เพียงแต่เราต้องเตรียมตัวให้พร้อม ทั้งเรื่องข้อมูลศูนย์สอบ การสมัครสอบ การอ่านหนังสือ และการเตรียมตัวในวันสอบจริง ถ้าเราวางแผนดีๆ ศึกษาข้อมูลมาอย่างละเอียดรอบคอบแล้วล่ะก็ ทุกอย่างก็จะผ่านไปได้ด้วยดีแน่นอนครับผม หวังว่าประสบการณ์ของผมจะเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆ ที่กำลังจะไปสอบ GMAT กันนะครับ สู้ๆ ครับ!