สวัสดีครับทุกคน! วันนี้อยากมาแชร์ประสบการณ์ตรงๆ เลยเรื่องหาศูนย์สอบ GMAT ที่กรุงเทพฯ เนี่ยแหละ เผื่อใครกำลังงงๆ หรือหาข้อมูลอยู่ จะได้เห็นภาพว่ามันไม่ได้ยุ่งยากอะไรขนาดนั้น
เริ่มต้นจากความไม่รู้
ตอนนั้นผมตัดสินใจแล้วว่าจะไปเรียนต่อโทต่างประเทศ ทีนี้ก็ต้องมีผล GMAT ใช่ไหมครับ ปัญหาคือ ไม่รู้เลยว่าจะไปสอบที่ไหนในกรุงเทพฯ ตอนแรกก็มึนตึ้บเลยจริงๆ นะ ไม่รู้จะเริ่มยังไง

ลงมือค้นหาข้อมูล
ผมก็เริ่มง่ายๆ เลยครับ เปิดคอมพิวเตอร์แล้วก็เริ่มค้นหาในอินเทอร์เน็ตเลย พิมพ์ไปตรงๆ ว่า “ศูนย์สอบ GMAT กรุงเทพ” อะไรทำนองนั้น ก็มีข้อมูลขึ้นมาบ้าง แต่ก็ยังไม่ค่อยชัดเจนเท่าไหร่ ส่วนใหญ่จะเป็นพวกสถาบันติวซะมากกว่า
ทีนี้ผมก็นึกขึ้นได้ว่า GMAT มันเป็นการสอบมาตรฐานสากล มันต้องมีเว็บไซต์หลักของมันสิ ผมเลยลองค้นหาชื่อองค์กรที่จัดสอบ GMAT โดยตรงเลย พอเจอเว็บไซต์ทางการของเขาแล้ว ทุกอย่างก็ง่ายขึ้นเยอะครับ ในนั้นจะมีส่วนให้เราค้นหาสนามสอบได้ทั่วโลกเลย
เจอแล้ว! ศูนย์สอบในกรุงเทพฯ
พอเข้าไปค้นหาในระบบของ GMAT เอง ผมก็เจอว่าศูนย์สอบในกรุงเทพฯ จริงๆ แล้วมันมีไม่กี่ที่หรอกครับ ที่เป็นทางการจริงๆ ส่วนใหญ่ก็จะตั้งอยู่ในอาคารสำนักงานที่ค่อนข้างเป็นสากลหน่อย ตอนนั้นที่ผมเห็นและเลือกเนี่ย ก็จะเป็นศูนย์สอบที่บริหารงานโดยบริษัทที่เชี่ยวชาญด้านการจัดสอบโดยเฉพาะเลย สถานที่ก็ดูน่าเชื่อถือดี
- เช็คสถานที่: ผมก็ดูแผนที่เลยว่าเดินทางสะดวกไหม มีรถไฟฟ้าไปถึงหรือเปล่า เพราะวันสอบจริงไม่อยากหัวหมุนกับการเดินทาง
- ดูรอบสอบ: ในระบบมันจะบอกเลยว่ามีวันไหน เวลาไหนว่างบ้าง เราก็เลือกเอาตามที่เราสะดวกเลย
ขั้นตอนการสมัครและจองวันสอบ
พอเลือกศูนย์สอบกับวันเวลาที่ต้องการได้แล้ว ก็ถึงขั้นตอนการสมัครสอบครับ ทุกอย่างทำผ่านระบบออนไลน์ของ GMAT หมดเลย กรอกข้อมูลส่วนตัว จ่ายเงินค่าสอบผ่านบัตรเครดิต สะดวกมาก ไม่ต้องไปติดต่อที่ศูนย์สอบโดยตรงเลยสักนิด ตอนนั้นผมก็เช็คแล้วเช็คอีกนะ กลัวกรอกอะไรผิดไป เพราะค่าสอบก็ไม่ใช่ถูกๆ
สิ่งที่ต้องเตรียมตอนสมัคร: ก็มีพวกข้อมูลส่วนตัวตามพาสปอร์ตเลยครับ ชื่อ นามสกุล วันเดือนปีเกิด ต้องตรงเป๊ะๆ นะครับ สำคัญมาก
ประสบการณ์วันไปสอบจริง
ก่อนวันสอบ ผมก็เตรียมตัวเรื่องเส้นทางอีกรอบ ดูให้แน่ใจว่าไปยังไง ใช้เวลาเท่าไหร่ ไปถึงก่อนเวลานัดพอสมควรเลยครับ กันเหนียว
พอไปถึงศูนย์สอบ:
- การลงทะเบียน: เจ้าหน้าที่จะให้เราแสดงตัวตน หลักๆ ก็คือพาสปอร์ตตัวจริงครับ เขาจะตรวจสอบข้อมูลกับที่เราสมัครไว้อีกที
- การเก็บของ: เราจะไม่สามารถเอาอะไรเข้าไปในห้องสอบได้เลยนะครับ ยกเว้นเสื้อกันหนาว (ถ้าห้องมันเย็น) เขาจะมีล็อกเกอร์ให้เก็บของส่วนตัวทั้งหมด โทรศัพท์ กระเป๋า นาฬิกา ทุกสิ่งอย่าง
- มาตรการความปลอดภัย: ค่อนข้างเข้มงวดเลยครับ มีการสแกนลายนิ้วมือ ถ่ายรูป เพื่อยืนยันตัวตน ตอนแรกก็แอบเกร็งๆ นะ แต่ก็เข้าใจได้ว่าเพื่อความโปร่งใสของการสอบ
- บรรยากาศในห้องสอบ: ก็เงียบสงบดีครับ ทุกคนมีสมาธิกับการสอบของตัวเอง มีคอมพิวเตอร์ให้คนละเครื่อง มีที่กั้นระหว่างแต่ละคน เจ้าหน้าที่จะคอยดูแลอยู่ด้านนอก
พอสอบเสร็จก็รู้สึกโล่งไปเปราะหนึ่ง ตอนออกจากห้องสอบก็ไปรับผลคะแนนอย่างไม่เป็นทางการ (Unofficial Score Report) ได้เลย ส่วนผลอย่างเป็นทางการก็จะส่งตามมาทีหลังทางอีเมล
สรุปส่งท้าย
จากประสบการณ์ตรงของผม การหาศูนย์สอบ GMAT ในกรุงเทพฯ และขั้นตอนการสมัครจนถึงวันสอบจริงเนี่ย ไม่ได้ซับซ้อนอะไรเลยครับ ทุกอย่างมันมีระบบของมันอยู่แล้ว แค่เราต้องเริ่มจากการหาข้อมูลจากแหล่งที่ถูกต้อง ซึ่งก็คือเว็บไซต์ทางการของ GMAT เองนั่นแหละครับ ใครที่กำลังเตรียมตัวอยู่ก็ขอให้โชคดีกับการสอบนะครับ สู้ๆ ครับ!
