เออ วันนี้มาแชร์เรื่องสอบ GMAT หน่อยดีกว่า คือเรื่องมันเริ่มจากตอนนั้นน่ะ คิดอยากจะไปเรียนต่อโทบริหารฯ ต่างประเทศ แล้วไอ้เจ้า GMAT เนี่ยมันเป็นเหมือนด่านแรกๆ ที่ต้องผ่านให้ได้เลย
เริ่มยังไงดีวะเนี่ย?
ตอนแรกก็งงเป็นไก่ตาแตกเลยครับ GMAT คืออะไรวะเนี่ย? สอบอะไรบ้าง? ยากไหม? เริ่มจากศูนย์เลยจ้า ก็เริ่มจากถามเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ที่เคยสอบมาก่อน บางคนก็บอกง่าย บางคนก็บอกยากชิบเป๋ง เอาล่ะสิ งานเข้าแล้วไงกรู

ค้นคว้าหาข้อมูล: ผมก็เริ่มเปิดอินเทอร์เน็ตนี่แหละครับ หาอ่านรีวิว ดูว่าคนอื่นเขาเตรียมตัวกันยังไง ใช้หนังสือเล่มไหนบ้าง มีคอร์สติวที่ไหนน่าสนใจไหม แต่ส่วนตัวเป็นคนชอบลุยเองก่อน เลยตัดสินใจว่าลองอ่านเองดูก่อนแล้วกัน
ลงมือเตรียมตัวจริงจัง
ซื้อตำรา: อันดับแรกเลย ไปสอย Official Guide (OG) มาก่อนเลยครับ เขาว่ากันว่าเป็นคัมภีร์ที่ต้องมีทุกคน แล้วก็หาหนังสือเสริมพวก Manhattan Prep มาอีกสองสามเล่ม เน้นส่วนที่เราอ่อนๆ หน่อย
แบ่งเวลาอ่าน: ตอนนั้นยังทำงานประจำอยู่ด้วยไงครับ เลยต้องอาศัยอ่านหลังเลิกงาน กับวันเสาร์-อาทิตย์เต็มวัน บอกเลยว่าเหนื่อยโคตรๆ ชีวิตช่วงนั้นคือตื่นเช้าไปทำงาน เย็นกลับมาอ่านหนังสือ ไม่มีสังสรรค์ ไม่มีดูหนังฟังเพลงอะไรทั้งนั้น
- ส่วน Verbal: โอ้โห เปิดมาหน้าแรกๆ ก็มึนตึ้บแล้วครับ โดยเฉพาะ Reading Comprehension ยาวเป็นหางว่าว อ่านจบแล้วลืมว่าต้นเรื่องมันคืออะไร Sentence Correction ก็แกรมม่าจ๋าๆ เลย ต้องรื้อฟื้นความรู้ภาษาอังกฤษกันยกใหญ่ Critical Reasoning นี่ก็เหมือนเล่นเกมจับผิด ต้องคิดตามตรรกะของโจทย์ให้ทัน
- ส่วน Quant: ส่วนคณิตศาสตร์อ่ะ แรกๆ คิดว่าหมูๆ เพราะเราก็จบสายวิทย์ฯ มา แต่พอทำโจทย์จริงๆ เอ้า! มันไม่ใช่แค่คิดเลขได้นี่หว่า มันมีลูกล่อลูกชน มีโจทย์ดักทางเยอะไปหมด ต้องฝึกทำโจทย์เยอะๆ ให้คุ้นเคยกับแนวทางของมัน
- Integrated Reasoning (IR) กับ Analytical Writing Assessment (AWA): สองส่วนนี้ผมให้เวลาน้อยหน่อย เพราะน้ำหนักคะแนนมันไม่เท่าสองส่วนแรก แต่ก็ไม่ทิ้งนะ ก็ซ้อมๆ ไปบ้างให้พอทำได้
ช่วงเวลาแห่งการฝึกฝนและท้อแท้
จับเวลาทำโจทย์: พอเริ่มคุ้นๆ กับเนื้อหาแล้ว ก็เริ่มจับเวลาทำโจทย์ครับ เหมือนสอบจริงเลย แรกๆ นี่ทำไม่ทันกระจุยกระจาย คะแนนออกมาก็อนาถจิตมาก บอกตรงๆ ว่ามีท้อบ้างเหมือนกันนะ คิดในใจว่า “กรูจะทำได้ไหมวะเนี่ย?”
เรียนรู้จากข้อผิดพลาด: ทุกครั้งที่ทำโจทย์ผิด หรือทำ Mock Test แล้วคะแนนไม่ดี ผมจะกลับมานั่งดูเฉลยละเอียดเลยครับ ว่าเราพลาดตรงไหน คิดผิดขั้นตอนไหน แล้วก็จดโน้ตไว้เตือนตัวเอง ค่อยๆ ปรับปรุงไปทีละจุด
หาเพื่อนร่วมชะตากรรม: ผมมีเพื่อนอีกคนที่เตรียมสอบ GMAT พร้อมๆ กัน ก็เลยได้คุยแลกเปลี่ยนเทคนิคกันบ้าง ช่วยให้กำลังใจกันบ้างเวลาท้อๆ มันก็ช่วยได้เยอะเลยนะ
วันตัดสินชะตา
ก่อนวันสอบ: คืนก่อนสอบนี่พยายามไม่คิดมากครับ พักผ่อนให้เต็มที่ เตรียมเอกสาร เตรียมทุกอย่างให้พร้อม
วันสอบจริง: ตื่นเต้นสุดๆ ครับ ไปถึงศูนย์สอบก่อนเวลาพอสมควร ทำตามขั้นตอนของเขาทุกอย่าง พอเข้าไปนั่งหน้าคอมฯ แล้วก็ตั้งสติ สูดหายใจลึกๆ แล้วก็ลุยเลย!
ตอนทำข้อสอบนี่คือพยายามมีสมาธิสุดๆ ครับ ส่วนไหนทำได้ก็รีบทำ ส่วนไหนติดก็พยายามไม่เสียเวลานานเกินไป ปล่อยผ่านไปก่อนถ้าจำเป็น เพราะเวลามันเดินเร็วมากจริงๆ

ผลลัพธ์และความรู้สึกหลังสอบ
พอสอบเสร็จปุ๊บ คะแนนมันก็ขึ้นมาให้เห็นเลยครับ (ยกเว้น AWA ที่ต้องรอตรวจ) ตอนนั้นใจเต้นตึ้กตั้กเลย คะแนนออกมาก็… ก็โอเคแหละ พอใจในระดับนึงที่พยายามมา อาจจะไม่ได้สูงปรี๊ดปร๊าดเหมือนคนเทพๆ แต่ก็อยู่ในเกณฑ์ที่เอาไปยื่นสมัครมหาวิทยาลัยได้
สิ่งที่ได้เรียนรู้: การสอบ GMAT นี่มันไม่ใช่แค่เรื่องความรู้ในตำราอย่างเดียวนะครับ มันสอนให้เราบริหารเวลา สอนให้อดทน สอนให้รู้จักวางแผน และที่สำคัญคือสอนให้ไม่ยอมแพ้อะไรง่ายๆ
ใครกำลังจะสอบก็สู้ๆ นะครับ มันไม่ได้ยากเกินไปถ้าเราตั้งใจจริง เตรียมตัวให้พร้อม หาแนวทางที่เหมาะกับตัวเอง แล้วก็ลุยเลยครับ ขอให้โชคดีทุกคน!