ประสบการณ์ตรงเลยนะ กับการเตรียมตัว GMAT เนี่ย
เฮ้อออ พูดถึงเรื่องสอน GMAT นะ เอาจริงๆ ตอนแรกก็ไม่ได้คิดจะมาสอนใครหรอก แต่เป็นเพราะตัวเองนี่แหละต้องไปสอบกับเค้าด้วยไง เลยต้องเริ่มจากศูนย์เลยว่างั้นเถอะ
ช่วงแรกที่เริ่มจับ GMAT นี่มึนตึ้บเลยครับ คือแบบ… อะไรวะเนี่ย เลขก็ส่วนเลข ภาษาอังกฤษนี่ยิ่งแล้วใหญ่ ศัพท์แสงอะไรก็ไม่รู้เต็มไปหมด ตอนนั้นคิดในใจเลยว่า “จะรอดไหมวะเนี่ย” แต่ก็เอาน่า ลองดูซักตั้ง
ผมเริ่มจากการไปหาข้อมูลก่อนเลยว่า GMAT เนี่ยมันสอบอะไรบ้าง หลักๆ ก็จะมี:
- Quantitative Reasoning (เลข): อันนี้ก็มีทั้งแก้ปัญหา (Problem Solving) กับดูข้อมูลว่าพอไหม (Data Sufficiency)
- Verbal Reasoning (ภาษา): อันนี้ก็โหด มีทั้งแก้แกรมม่า (Sentence Correction), อ่านจับใจความ (Reading Comprehension), แล้วก็วิเคราะห์เหตุผล (Critical Reasoning)
- Integrated Reasoning (IR): อันนี้จะใหม่หน่อย เป็นพวกผสมๆ ดูตาราง กราฟ อะไรพวกนี้
- Analytical Writing Assessment (AWA): อันนี้ก็เขียนเรียงความวิเคราะห์
พอรู้แล้วว่ามีอะไรบ้าง ก็เริ่มลงมือเลยครับ ตอนแรกก็ไปซื้อหนังสือมาอ่านเองก่อนเลยนะ พวก Official Guide ทั้งหลายแหล่ คิดว่าอ่านเองน่าจะไหว
ลุยส่วน Quant ก่อนเลย
ส่วนเลขนี่ ตอนแรกคิดว่าหมูๆ เพราะเราก็เรียนเลขมาเยอะ แต่พอเจอ Data Sufficiency เข้าไปนี่… โอ้โห แม่เจ้าโว้ย! มันไม่ได้ถามว่าคำตอบคืออะไรนะ มันถามว่าข้อมูลที่ให้มาน่ะ พอจะหาคำตอบได้หรือยัง คือมันวัดความเข้าใจลึกไปอีกขั้นเลย ส่วน Problem Solving ก็ต้องเร็ว คิดเลขให้ไว เทคนิคต้องมีบ้าง
ผมก็เริ่มฝึกทำโจทย์ไปเรื่อยๆ ทำผิดก็ดูเฉลย ดูว่าเค้าคิดกันยังไง พยายามจับทางให้ได้ว่า GMAT ชอบออกแนวไหน จุดไหนที่พลาดบ่อยๆ ก็จะโน้ตไว้เลยว่า “ไอ้ตรงนี้แหละ ตัวดีเลย” ทำซ้ำๆ จนเริ่มคล่องขึ้น
มาถึงส่วน Verbal นี่สิ… งานช้าง!
พอมา Verbal นี่สิ โอ้โห… หนักกว่าเดิมอีก Sentence Correction นี่แกรมม่าล้วนๆ กฎเพียบ ต้องเป๊ะจริง Critical Reasoning ก็ต้องคิดตามตรรกะเค้าให้ทัน ส่วน Reading Comprehension ก็บทความยาวๆ ศัพท์ยากๆ อ่านแล้วต้องจับประเด็นให้ได้ว่าเค้าต้องการสื่ออะไร
ช่วงแรกๆ ที่ทำ Verbal นี่คะแนนเน่ามากครับ ท้อเลยแหละ แต่ก็กัดฟันสู้ต่อ ไปหาเทคนิคเพิ่ม อ่านบทความภาษาอังกฤษเยอะๆ พยายามทำความคุ้นเคยกับโครงสร้างประโยคยากๆ แล้วก็ศัพท์ที่เจอบ่อยๆ ใน GMAT ส่วน Critical Reasoning นี่ผมว่าสนุกนะ มันเหมือนเป็นนักสืบเลย ต้องหาจุดอ่อน หาข้อสรุป
สิ่งที่ผมทำคือ:
- จดศัพท์ที่ไม่รู้ แล้วก็ท่อง
- ฝึกแยกโครงสร้างประโยคใน Sentence Correction
- หัดสรุปใจความสำคัญของแต่ละย่อหน้าใน Reading Comprehension
- พยายามทำความเข้าใจว่า Assumption, Conclusion, Strengthen, Weaken ใน Critical Reasoning มันคืออะไร
IR กับ AWA ก็ไม่ทิ้ง
ส่วน IR กับ AWA นี่ก็ไม่ได้ทิ้งนะครับ IR ก็พยายามทำความคุ้นเคยกับรูปแบบคำถามต่างๆ ส่วน AWA ก็ไปดูตัวอย่างโครงสร้างการเขียน ฝึกเขียนจับเวลาดูบ้าง
จุดเปลี่ยนและการทบทวน
พอฝึกไปได้ซักพักใหญ่ๆ ก็เริ่มไปลองสอบ Mock Test ของจริงดู โอ้โห… คะแนนออกมานี่แทบทรุด คือมันไม่เหมือนตอนเราทำทีละส่วนไง พอจับเวลารวมๆ แล้วมันกดดันมาก สมาธิหลุดง่ายมาก

ตอนนั้นแหละที่เริ่มรู้แล้วว่า การทำ GMAT มันไม่ใช่แค่รู้เนื้อหา แต่มันคือการบริหารเวลา การจัดการความเครียด และการมีสติ ผมเลยต้องปรับแผนใหม่หมดเลย เริ่มจับเวลาทำโจทย์จริงจังมากขึ้น ฝึกทำข้อสอบเป็นชุดๆ เหมือนสอบจริง พยายามหาจุดอ่อนของตัวเองว่าเสียเวลากับตรงไหนเยอะเกินไป ข้อไหนที่ควรจะข้ามถ้าทำไม่ได้จริงๆ
แล้วก็เริ่มมานั่งทบทวนสิ่งที่ตัวเองทำมาทั้งหมดนี่แหละครับ ไอ้ที่เคยโน้ตไว้ ไอ้ที่เคยพลาดบ่อยๆ เอามาดูซ้ำๆ แล้วก็คิดว่าถ้าเราจะอธิบายเรื่องนี้ให้คนอื่นฟังเนี่ย จะอธิบายยังไงให้เข้าใจง่ายที่สุด มันเหมือนเป็นการสอนตัวเองไปในตัวเลยนะ
จนถึงวันนี้…
สุดท้ายผมก็ไปสอบมา ผลก็เป็นที่น่าพอใจในระดับนึงนะ อาจจะไม่ได้เทพอะไรมาก แต่ก็ภูมิใจที่เราลุยมาได้ขนาดนี้ จากประสบการณ์ทั้งหมดที่เล่ามาเนี่ย ถ้าจะให้ผม “สอน GMAT” ใครซักคน ผมคงจะเน้นเรื่องการวางแผน การเข้าใจตัวเองว่าอ่อนตรงไหน เก่งตรงไหน แล้วก็การฝึกฝนอย่างมีวินัย ที่สำคัญคือ กำลังใจอย่าท้อถอยเด็ดขาด เพราะ GMAT มันคือมาราธอน ไม่ใช่การวิ่งร้อยเมตร
ผมว่าประสบการณ์ตรงที่ล้มลุกคลุกคลานมาเองเนี่ยแหละ มันทำให้เราเข้าใจหัวอกคนที่จะสอบได้ดีที่สุด แล้วก็รู้ว่าควรจะบอกหรือเน้นอะไรกับเค้าบ้าง นี่แหละครับที่มาที่ไปของการที่ผมพอจะ “สอน GMAT” หรือให้คำแนะนำคนอื่นได้บ้าง จากการลงสนามจริงด้วยตัวเองล้วนๆ เลยครับ!