เอาล่ะครับเพื่อนๆ วันนี้อยากจะมาแชร์ประสบการณ์ตรงๆ กับการตะลุยสมรภูมิ GMAT ของผมเอง เผื่อจะเป็นประโยชน์กับใครที่กำลังคิดจะไปสอบเจ้านี่อยู่บ้างนะ
จุดเริ่มต้นของการผจญภัย GMAT
เรื่องมันเริ่มมาจากว่าผมอยากจะไปเรียนต่อปริญญาโทด้านบริหารธุรกิจ (MBA) ซึ่งแน่นอนว่า GMAT เนี่ยมันเป็นด่านสำคัญด่านหนึ่งเลยที่ต้องผ่านไปให้ได้ ตอนแรกก็คิดว่าเออ คงไม่ยากเท่าไหร่หรอกมั้ง พอไปลองหาข้อมูล ดูแนวข้อสอบเก่าๆ เท่านั้นแหละ…โอ้โห! อะไรวะเนี่ย มันไม่ใช่หมูๆ เลยครับพี่น้อง โดยเฉพาะส่วน Verbal นี่ทำเอาผมมึนตึ้บไปหลายวันเลย ส่วน Quant หรือคณิตศาสตร์ ถึงผมจะพอมีพื้นฐานมาบ้าง แต่ก็เจอโจทย์บางข้อที่แบบ เอ๊ะ คิดยังไงนะ เข้าไปเหมือนกัน

ลองผิดลองถูกช่วงแรก
ผมเริ่มจากการสั่งซื้อหนังสือเตรียมสอบ GMAT มาก่อนเลยครับ หลายสำนักมาก ทั้งเล่ม Official Guide ที่ทุกคนต้องมี แล้วก็พวกหนังสือเทคนิคต่างๆ กะว่าอ่านเอง ฝึกเอง ก็น่าจะไหว ช่วงแรกๆ ก็ไฟแรงครับ นั่งทำโจทย์ทุกวัน จับเวลาไปด้วย แต่พอทำไปสักพัก เริ่มรู้สึกว่า เอ๊ะ ทำไมคะแนนมันไม่ค่อยขึ้นเลยวะ โดยเฉพาะส่วน Verbal ที่เป็นไม้เบื่อไม้เมากับผมมาก พวก Reading Comprehension อ่านจับใจความนี่ยังพอถูไถ แต่ไอ้ Sentence Correction กับ Critical Reasoning เนี่ยสิ ปวดหัวสุดๆ บางทีคิดว่าถูกแล้ว เฉลยมาผิดซะงั้น เริ่มท้อใจเล็กๆ เหมือนกันนะช่วงนั้น
- ปัญหาที่เจอตอนอ่านเอง:
- จับจุดไม่ถูกว่าควรเน้นตรงไหน
- ไม่เข้าใจว่าทำไมบางข้อถึงตอบแบบนั้นจริงๆ
- ไม่มีคนคอยชี้แนะแนวทาง
- เริ่มเบื่อและขาดวินัย
ตัดสินใจหาตัวช่วย
หลังจากงมอยู่คนเดียวมาพักใหญ่ ผมก็คิดว่าไม่ไหวละ ทรงนี้ไม่รอดแน่ๆ ถ้ายังดันทุรังอ่านเองต่อไป มีหวังเสียทั้งเงินค่าหนังสือ เสียทั้งเวลา แล้วเผลอๆ สอบไปก็คะแนนไม่ถึงเป้าอีก ผมเลยเริ่มมองหาคอร์สเรียน GMAT แบบจริงจัง ตอนนั้นก็ดูรีวิวเยอะมากครับ มีหลายสถาบันเลย สุดท้ายก็เลือกที่นึงที่คิดว่าน่าจะตอบโจทย์เราได้มากที่สุด ทั้งเรื่องสไตล์การสอน เวลาที่สะดวก และก็งบประมาณ
พอได้ไปเรียนจริงๆ ก็รู้สึกว่าเออ มันดีกว่าอ่านเองเยอะเลยว่ะ อาจารย์เขามีเทคนิค มีวิธีการมองโจทย์ที่แบบ อ๋อ มันคิดแบบนี้นี่เอง บางเรื่องที่เราคิดว่าซับซ้อน พออาจารย์อธิบายปุ๊บ มันดูง่ายขึ้นมาทันทีเลย แต่ที่สำคัญกว่าการสอนของอาจารย์คือ การบ้านและแบบฝึกหัดที่ต้องทำอย่างสม่ำเสมอ อันนี้สำคัญมากจริงๆ ครับ
ช่วงเวลาแห่งการฝึกฝนอย่างหนัก
หลังจากเรียนเทคนิคต่างๆ มาแล้ว ทีนี้ก็ถึงช่วงเวลาของการลงสนามซ้อมจริงจัง ผมเริ่มจากการทำโจทย์ใน Official Guide ทั้งหมดอีกรอบ คราวนี้พยายามเอาเทคนิคที่เรียนมาปรับใช้ แล้วก็เริ่มทำ Mock Test หรือข้อสอบเสมือนจริงครับ อันนี้สำคัญมากๆ เพราะมันช่วยให้เราคุ้นเคยกับแรงกดดันในการทำข้อสอบภายใต้เวลาที่จำกัด
ตารางชีวิตผมช่วงนั้นคือ:
ตื่นเช้ามาทำโจทย์ GMAT ก่อนไปทำงาน (ถ้าวันหยุดก็ลากยาว) เลิกงานกลับมาก็ทำโจทย์ต่ออีก พยายามจับเวลาทุกครั้งที่ทำ แล้วพอทำเสร็จ ไม่ใช่ว่าทิ้งเลยนะ ต้องมานั่งวิเคราะห์ข้อที่ผิดอย่างละเอียด ว่าเราพลาดตรงไหน คิดผิดยังไง หรือว่าลืมเทคนิคอะไรไป ทำแบบนี้ซ้ำๆ วนไปครับ
มีบางช่วงที่คะแนน Mock Test มันไม่ขึ้น หรือบางทีตกด้วยซ้ำ ก็มีท้อบ้างนะ แต่ก็พยายามฮึดสู้ บอกตัวเองว่าเรามาไกลแล้ว จะยอมแพ้ง่ายๆ ไม่ได้ เพื่อนชวนไปเที่ยวไหนก็ไม่ค่อยได้ไป เพราะต้องเอาเวลามาอ่านหนังสือ แต่ก็คิดว่าเอาน่า เพื่ออนาคต
วันสอบจริงและผลลัพธ์
พอถึงวันสอบจริงนี่โคตรตื่นเต้นเลยครับ มือเย็นเฉียบ ใจเต้นตึกตักไปหมด แต่ก็พยายามคุมสติ ทำตามที่ซ้อมมา พยายามบริหารเวลาให้ดีที่สุด ข้อไหนยาก คิดไม่ออกจริงๆ ก็ต้องตัดใจข้ามไปก่อน อย่าไปจมอยู่กับมันนาน เพราะเวลาเป็นสิ่งมีค่ามากในสนามสอบ GMAT
หลังสอบเสร็จนี่โล่งมากครับ ไม่ว่าผลจะออกมาเป็นยังไง แต่รู้สึกว่าเราทำเต็มที่แล้วจริงๆ รอผลอยู่ไม่กี่วัน คะแนนก็ออกมาครับ ก็ถือว่าน่าพอใจในระดับหนึ่งเลย สามารถเอาไปยื่นสมัคร MBA ที่ตั้งใจไว้ได้ แม้จะไม่ได้เพอร์เฟคอะไรมากมาย แต่สำหรับผมที่เริ่มต้นจากศูนย์แล้วมาถึงจุดนี้ได้ ก็ภูมิใจในตัวเองพอสมควรเลยครับ

ก็หวังว่าเรื่องราวการเตรียมตัวสอบ GMAT ของผมจะเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆ ที่กำลังเตรียมตัวอยู่นะครับ อยากจะบอกว่ามันไม่ง่าย แต่ก็ไม่ยากเกินความพยายามของเราแน่นอน สู้ๆ ครับ!