สวัสดีครับทุกคน! วันนี้อยากจะมาแชร์ประสบการณ์ตรงเลยนะ ตอนที่ผมตัดสินใจว่าจะต้องไปสอบ GRE ให้ได้ คือเรื่องของเรื่องมันเริ่มจากความฝันอยากจะไปเรียนต่อต่างประเทศนั่นแหละครับ แล้วไอ้เจ้า GRE เนี่ย มันก็เป็นเหมือนด่านแรกที่ต้องผ่านไปให้ได้ คิดแล้วก็เอาวะ ลองดูสักตั้ง!
เริ่มจากศูนย์ก็ว่าได้

พอตัดสินใจปุ๊บ สิ่งแรกที่ทำเลยก็คือไปเสิร์ชหาข้อมูลครับว่ามันคืออะไร สอบอะไรบ้าง โอ้โห พอเห็นขอบเขตเนื้อหาเท่านั้นแหละครับ ทั้ง Verbal Reasoning ที่ศัพท์แสงอะไรก็ไม่รู้เยอะแยะไปหมด Quant ที่เป็นเลข แล้วก็มีเขียน Essay อีก คือตอนนั้นแอบคิดในใจนะ ว่า “นี่ตูคิดถูกป่าววะเนี่ย” เหมือนคนไม่เคยว่ายน้ำแล้วจะไปแข่งโอลิมปิกยังไงยังงั้นเลยครับ
ลงมือเตรียมตัวแบบลูกทุ่งๆ
เอาล่ะ ในเมื่อตัดสินใจแล้วก็ต้องไปให้สุด ผมก็เริ่มจากการไปกว้านซื้อหนังสือมาเลยครับ ทั้งหนังสือ Official Guide เล่มสีเทาๆ นั่นแหละ แล้วก็พวกหนังสือรวมเทคนิค หนังสือตะลุยโจทย์ต่างๆ กองเต็มโต๊ะทำงานไปหมด ตอนนั้นไม่ได้มีเงินไปลงคอร์สเรียนแพงๆ กับใครเขาหรอกครับ อาศัยลูกบ้า อ่านเอง งมเองล้วนๆ
แผนการอ่านหนังสือเหรอ? ฮ่าๆๆ มีสิครับ ตอนแรกก็วางแผนซะดิบดีเลยนะว่าจะอ่านวันละกี่ชั่วโมง ทำอะไรบ้าง แต่พอเอาเข้าจริง มันก็มีบ้างที่ทำตามแผนได้บ้างไม่ได้บ้าง บางวันก็ขี้เกียจซะงั้น บางวันก็อ่านจนสมองเบลอไปเลยก็มี คือมันไม่ได้สวยหรูเป็นเส้นตรงเหมือนในตำราหรอกครับ มันก็มีสะดุด มีล้มลุกคลุกคลานกันไป
ตะลุยแต่ละพาร์ท
- Verbal Reasoning: ไอ้พาร์ทนี้แหละครับตัวปราบเซียนของจริงสำหรับผม ศัพท์เยอะมากกกกก ผมต้องมานั่งท่องศัพท์เป็นบ้าเป็นหลังเลยครับ ใช้ทั้ง flashcards ทั้งแอปต่างๆ นานา อ่าน passage ก็ยาวเหลือเกิน บางทีอ่านจบแล้วยังงงๆ อยู่เลยว่ามันพูดถึงอะไรกันแน่ ต้องฝึกทำโจทย์เยอะมากๆ ครับ ถึงจะเริ่มจับทางได้
- Quantitative Reasoning: ส่วนเลขนี่ ตอนแรกก็คิดว่าหมูๆ เพราะเราก็เรียนกันมาตั้งแต่เด็ก แต่พอเจอโจทย์จริงๆ เฮ้ย มันก็มีทริค มีหลุมพรางเยอะเหมือนกันนะ ต้องรอบคอบมากๆ บางทีคำนวณผิดนิดเดียวก็ไปคนละทางเลย ผมก็ต้องไปรื้อฟื้นพวกสูตรต่างๆ พยายามทำโจทย์ให้หลากหลายเข้าไว้
- Analytical Writing Assessment (AWA): อันนี้เป็นพาร์ทเขียน essay สองเรื่องครับ ต้องเขียนแข่งกับเวลา บอกเลยว่านิ้วแทบล็อก ผมก็ไปหาอ่านตัวอย่าง essay เยอะๆ ดูว่าเขาเขียนกันยังไง มีโครงสร้างแบบไหน แล้วก็ลองฝึกเขียนจับเวลาดู แรกๆ ก็เขียนไม่ทันบ้าง ออกทะเลบ้าง แต่พอฝึกไปเรื่อยๆ มันก็เริ่มเข้าที่เข้าทางขึ้น
ช่วงเวลาแห่งการฝึกฝนและท้อแท้
สิ่งที่ผมทำควบคู่ไปกับการอ่านหนังสือก็คือการทำ Practice Test ครับ โอ้โห คะแนนครั้งแรกๆ ที่ออกมานี่อยากจะร้องไห้เลยครับ มันต่ำเตี้ยเรี่ยดินมาก ตอนนั้นยอมรับเลยว่าท้อสุดๆ คิดไปต่างๆ นานาว่าเราจะทำได้จริงเหรอวะเนี่ย แต่ก็พยายามฮึดสู้ครับ บอกตัวเองว่าถ้าไม่ลองสู้ดูสักตั้งมันก็จะไม่ได้อะไรเลย ก็ทำไปเรื่อยๆ วิเคราะห์จุดผิดพลาดของตัวเองไปเรื่อยๆ คะแนนมันก็ค่อยๆ ขยับขึ้นมาทีละนิดๆ ครับ

วันตัดสินชะตา
พอถึงวันสอบจริง ตื่นเต้นมากครับ นอนก็ไม่ค่อยจะหลับ พอไปถึงสนามสอบ บรรยากาศมันก็เคร่งเครียด กดดันสุดๆ ตอนนั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ เห็นเวลามันเดินถอยหลังไปเรื่อยๆ นี่ใจเต้นตุบๆ เลยครับ พยายามทำสมาธิ ทำไปทีละข้อ ข้อไหนทำไม่ได้ก็ข้ามไปก่อน พยายามบริหารเวลาให้ดีที่สุด แต่ก็มีบางข้อที่แบบ…ปล่อยเบลอไปเลยก็มี ฮ่าๆๆ
หลังสอบและสิ่งที่ได้เรียนรู้
สอบเสร็จออกมานี่โล่งแบบบอกไม่ถูกเลยครับ เหมือนยกภูเขาออกจากอก แต่ก็ยังต้องมารอลุ้นคะแนนอีก ช่วงนั้นก็พยายามไม่คิดมาก ทำใจให้สบายๆ พอผลคะแนนออกมา…ก็ถือว่าอยู่ในระดับที่เราพอใจนะ อาจจะไม่ได้สูงเวอร์วังอะไร แต่เมื่อเทียบกับความพยายามที่เราทุ่มเทไปก็ถือว่าคุ้มค่าครับ
แต่สิ่งที่ผมคิดว่าสำคัญกว่าคะแนนที่ได้ คือประสบการณ์ระหว่างทางครับ การสอบ GRE ครั้งนี้มันสอนอะไรผมเยอะมาก มันสอนให้ผมรู้จักวางแผน (ถึงแม้แผนจะล่มบ้างก็เถอะ) สอนให้ผมรู้จักอดทน พยายาม สู้กับความขี้เกียจของตัวเอง สอนให้ผมรู้จักจัดการกับความเครียดและความกดดัน และที่สำคัญที่สุด มันทำให้ผมรู้ว่าถ้าเราตั้งใจจริง เราก็สามารถทำในสิ่งที่คิดว่ายากมากๆ ให้สำเร็จได้เหมือนกัน
ก็หวังว่าประสบการณ์ของผมจะเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆ ที่กำลังเตรียมตัวสอบ GRE หรือกำลังคิดจะสอบอยู่นะครับ อยากจะบอกว่าสู้ๆ ครับ มันอาจจะดูยาก ดูน่ากลัว แต่ถ้าเราเตรียมตัวให้ดี พยายามให้เต็มที่ ผมเชื่อว่าทุกคนทำได้แน่นอนครับ!