โอ้โห พูดถึงเรื่องคะแนน GRE นี่นะ มันเป็นอะไรที่วนเวียนอยู่ในหัวผมพักใหญ่เลย ตอนนั้นน่ะ อยากจะไปเรียนต่อต่างประเทศไง ความฝันวัยเด็กว่างั้นเถอะ แล้วไอ้เจ้า GRE เนี่ย มันก็เป็นเหมือนด่านแรกที่ต้องฝ่าไปให้ได้
จุดเริ่มต้นของการผจญภัยกับ GRE
ตอนแรกเลยนะ ผมก็เริ่มจากศูนย์เลย ไม่รู้อะไรทั้งนั้น รู้แค่ว่าต้องสอบ ก็เริ่มหาข้อมูลตามเน็ตนี่แหละครับว่ามันคืออะไร สอบอะไรบ้าง เตรียมตัวยังไง พอเห็นขอบเขตเนื้อหาเท่านั้นแหละ โอ้โห…ศัพท์อะไรไม่รู้เยอะแยะไปหมด เลขก็มีนะ แต่เป็นเลขแบบที่เราไม่ได้ใช้ในชีวิตประจำวันเท่าไหร่ แล้วยังมีส่วนเขียนอีก

ความทุ่มเท (และหยาดเหงื่อ)
ผมก็เริ่มจากการไปสอยหนังสือเตรียมสอบมาเลยครับ หลายเล่มมาก ทั้งศัพท์ ทั้งคณิตศาสตร์ ทั้งแนวข้อสอบ กะว่าอ่านเองนี่แหละ ประหยัดดี แรกๆ ก็ไฟแรงมาก ตื่นเช้ามาอ่านก่อนไปทำงาน กลับบ้านมาก็อ่านต่อ ทำแบบฝึกหัดไปเรื่อยๆ มีท้อบ้างนะ บางทีอ่านศัพท์แล้วแบบ…เมื่อไหร่จะจำได้หมดวะเนี่ย แต่ก็กัดฟันสู้ไป
- ส่วนศัพท์ (Verbal Reasoning): อันนี้หนักสุดสำหรับผมเลย ต้องท่องศัพท์แบบจริงจังมาก ทำ flashcards แปะเต็มห้องไปหมด แล้วก็พยายามอ่านบทความภาษาอังกฤษเยอะๆ ให้คุ้นเคยกับศัพท์ยากๆ
- ส่วนคณิตศาสตร์ (Quantitative Reasoning): อันนี้พอถูไถได้หน่อย เพราะพื้นฐานเราก็พอมีบ้าง แต่ก็ต้องมารื้อฟื้นสูตรอะไรต่างๆ แล้วก็ฝึกทำโจทย์ให้เร็ว เพราะเวลามันจำกัดจริงๆ
- ส่วนการเขียน (Analytical Writing): อันนี้ก็ต้องฝึกเขียนเยอะๆ ครับ ลองจับประเด็น วิเคราะห์ แล้วก็เขียนออกมาให้เป็นเหตุเป็นผล พยายามดูตัวอย่างการเขียนดีๆ แล้วก็ปรับใช้
วันสอบจริง และผลลัพธ์
พอถึงวันสอบจริงนะ ตื่นเต้นมาก มือไม้เย็นไปหมด เข้าห้องสอบไปก็พยายามตั้งสติ ทำไปทีละส่วน ส่วนไหนทำได้ก็รีบทำ ส่วนไหนยากก็ข้ามไปก่อน แล้วค่อยกลับมาดูถ้ามีเวลาเหลือ ตอนทำเสร็จออกมานี่โล่งเลย แต่ก็แอบลุ้นๆ กับคะแนนอยู่เหมือนกัน
พอคะแนนออก…อืมมม ก็ต้องบอกว่ามันก็เป็นไปตามที่เราคาดหวังไว้นะครับ ไม่ได้ดีเวอร์วังอะไรขนาดนั้น แต่ก็ไม่ได้แย่จนน่าเกลียด อยู่ในเกณฑ์ที่พอจะเอาไปยื่นสมัครเรียนได้บ้างแหละ สิ่งที่สำคัญกว่าตัวเลขคะแนนที่ได้ ผมว่ามันคือประสบการณ์ระหว่างทางมากกว่านะ การที่เราได้พยายามอย่างเต็มที่ ได้เรียนรู้ที่จะอดทน จัดการเวลา และเอาชนะความขี้เกียจของตัวเอง
บทสรุปจากการเดินทางครั้งนี้
สุดท้ายแล้วไอ้คะแนน GRE เนี่ย มันก็เป็นแค่ส่วนหนึ่งในการพิจารณาของมหาวิทยาลัยแหละครับ มันไม่ได้เป็นตัวตัดสินทุกสิ่งทุกอย่าง ประสบการณ์ทำงานของเรา จดหมายแนะนำ หรือ SOP (Statement of Purpose) ก็สำคัญไม่แพ้กัน ผมว่าการเตรียมตัวสอบ GRE มันสอนอะไรเราหลายอย่างนะ อย่างน้อยๆ ก็ทำให้รู้ว่าถ้าเราตั้งใจทำอะไรจริงๆ จังๆ เราก็ทำได้แหละน่า แม้ว่าระหว่างทางมันจะเหนื่อยจะท้อบ้างก็ตาม
ใครที่กำลังเตรียมตัวสอบอยู่ก็สู้ๆ นะครับ เป็นกำลังใจให้ อย่าไปกดดันตัวเองมากเกินไป ทำเท่าที่เราไหว แล้วผลลัพธ์มันจะเป็นยังไงก็ค่อยว่ากันอีกที อย่างน้อยเราก็ได้พยายามแล้ว!