สวัสดีครับทุกคน วันนี้อยากมาแชร์ประสบการณ์ตรงๆ กับเรื่อง “สงวน GRE” ของผมเอง เผื่อใครกำลังงงๆ หรือหาข้อมูลอยู่ว่าจะเริ่มยังไงดี
จุดเริ่มต้นของการผจญภัย GRE
เรื่องมันเริ่มจากว่าผมมีความฝันอยากจะไปเรียนต่อต่างประเทศ พอเริ่มศึกษาข้อมูลจริงจังเท่านั้นแหละครับ คำว่า GRE ก็โผล่มาหลอกหลอนเลย ตอนแรกก็ไม่รู้หรอกว่ามันคืออะไร สำคัญแค่ไหน ก็ต้องไปเริ่มต้นค้นคว้ากันยกใหญ่เลยครับ

พอไปค้นๆ ดูก็ถึงบางอ้อว่า อ๋อ มันคือข้อสอบพื้นฐานที่หลายๆ ที่ โดยเฉพาะฝั่งอเมริกาเนี่ย เค้าใช้ประกอบการพิจารณารับเข้าเรียนต่อระดับปริญญาโท ปริญญาเอก อะไรทำนองนั้น เราก็แบบ เอาล่ะสิ งานเข้าแล้ว
เตรียมตัวเตรียมใจ (และเตรียมตังค์)
สิ่งแรกที่ทำให้ตาโตเลยก็คือค่าสอบครับ ตอนนั้นที่ผมดูๆ อยู่ก็ประมาณ $205 เหรียญสหรัฐฯ คิดเป็นเงินไทยก็หลายบาทอยู่เหมือนกันนะ ตอนนั้นก็คิดหนักเลย ว่าจะเอาไงดีวะเนี่ย มันไม่ใช่เงินน้อยๆ เลยสำหรับผมในตอนนั้น ต้องมั่นใจจริงๆ ว่าอยากจะไปทางนี้
ข้อควรรู้ที่ผมไปเจอมาก็คือ:
- สอบได้ทุกๆ 21 วัน แต่ปีนึงห้ามเกิน 5 ครั้งนะ (ในรอบ 12 เดือน) อันนี้ก็ต้องวางแผนดีๆ เลยว่าจะสอบเมื่อไหร่ เตรียมตัวทันไหม
- คะแนน GRE เนี่ย พอสอบเสร็จ เราก็ต้องยื่นไปพร้อมกับพวกใบสมัคร ผลการเรียน แล้วก็จดหมายแนะนำตัวอะไรพวกนั้นด้วย เอกสารเยอะแยะไปหมด
ผมเริ่มจากการหาข้อมูลว่าข้อสอบมันหน้าตาเป็นยังไง มีกี่พาร์ท ยากง่ายแค่ไหน หลายคนบอกว่าพาร์ทคณิตศาสตร์ (Quantitative Reasoning) ไม่ยากมาก เป็นเลข ม.ปลาย ทั่วไป แต่เชื่อผมเถอะครับ ถ้าไม่ได้แตะมานานๆ เนี่ย มีรื้อฟื้นกันเหนื่อยเหมือนกัน ส่วนพาร์ทภาษา (Verbal Reasoning) กับการเขียน (Analytical Writing) นี่ก็อีกเรื่องเลย โดยเฉพาะสำหรับคนที่ภาษาอังกฤษไม่ใช่ภาษาแม่แบบเราๆ ท่านๆ
ลงสนามจริง (กับการ “สงวน” สติ)
ช่วงเตรียมตัวนี่แหละครับคือช่วง “สงวน” ของจริงเลยสำหรับผม คือต้องสงวนทั้งเวลา สงวนทั้งพลังงาน สงวนทั้งสติสัมปชัญญะ ผมทำงานไปด้วยแล้วก็ต้องแบ่งเวลามาอ่านหนังสือ ทำโจทย์ คือมันหนักหนาสาหัสเอาเรื่องเลยครับ มีหลายครั้งที่ท้อจนอยากจะเททุกอย่าง แต่พอคิดถึงเป้าหมายที่ตั้งไว้ มันก็ฮึดกลับมาได้อีก
ผมเริ่มจากการหาหนังสือมาอ่าน ลองทำข้อสอบเก่าๆ ดู จับเวลาจริงจัง แรกๆ นี่คะแนนออกมาท้อแท้มากครับ แต่ก็พยายามบอกตัวเองว่า เฮ้ย มันต้องดีขึ้นสิ เราต้องทำได้ ค่อยๆ เก็บเล็กผสมน้อยไปเรื่อยๆ ส่วนไหนไม่เข้าใจก็พยายามหาคนสอน หาคลิปดูในเน็ตบ้าง สมัยนี้ดีหน่อย มีแหล่งข้อมูลเยอะแยะไปหมด
ไอ้เรื่องที่ว่าสอบได้ทุก 21 วันนี่ก็เหมือนดาบสองคมนะ ด้านนึงคือถ้าพลาดก็ยังมีโอกาสแก้ตัวเร็ว แต่อีกด้านนึงคือมันก็กดดันเหมือนกันนะ กลัวเตรียมตัวไม่ทันแล้วเสียเงินฟรีอีกรอบ ค่าสอบมันไม่ใช่ถูกๆ ด้วยสิ
ผมจำได้เลยว่าตอนไปจองวันสอบนี่ก็ตื่นเต้นนะ เลือกศูนย์สอบที่เดินทางสะดวก พยายามเลือกวันที่ตัวเองคิดว่าพร้อมที่สุด แต่เอาเข้าจริงมันก็ไม่มีวันไหนที่เราจะรู้สึกว่าพร้อม 100% หรอกครับ มันต้องมีลุ้นกันบ้าง
บทสรุปจากการ “สงวน GRE”
สุดท้ายผมก็ผ่านช่วงเวลานั้นมาได้ครับ ถามว่าข้อสอบ GRE ยากไหม สำหรับผม ผมว่ามันท้าทายนะ มันไม่ได้วัดแค่ความรู้ แต่มันวัดความอึด ความมีวินัย การวางแผน แล้วก็การจัดการกับความเครียดด้วย

สิ่งที่ผมได้เรียนรู้จากการ “สงวน GRE” ครั้งนี้มันมากกว่าแค่การสอบผ่านเพื่อเอาคะแนนไปยื่นเรียนต่อ แต่มันทำให้ผมรู้จักตัวเองมากขึ้น รู้ว่าถ้าเราตั้งใจจริง พยายามอย่างเต็มที่ เราก็สามารถเอาชนะอุปสรรคใหญ่ๆ ในชีวิตได้เหมือนกัน
ก็หวังว่าประสบการณ์ของผมจะเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆ ที่กำลังเตรียมตัว หรือกำลังตัดสินใจจะสอบ GRE อยู่นะครับ สู้ๆ ครับทุกคน! มันอาจจะเหนื่อยหน่อย แต่ถ้าผ่านไปได้ มันคุ้มค่าแน่นอนครับผม