สวัสดีครับเพื่อนๆ วันนี้อยากจะมาแชร์ประสบการณ์ตรงเลยกับเรื่อง “ค่าสอบ IELTS” นี่แหละ ใครเคยผ่านจุดนี้มาบ้างยกมือขึ้น! คือจะว่าไปมันก็เป็นเรื่องธรรมดาของการสอบวัดระดับอะเนอะ แต่วันนี้ขอมาเม้าท์มอยในมุมของคนที่เคยจ่ายจริง เจ็บจริง (นิดๆ) ฮ่าๆ
จุดเริ่มต้นของการเดินทาง (และค่าใช้จ่าย)
เรื่องของเรื่องมันเริ่มมาจากว่าผมมีความฝันอยากจะไปเรียนต่อต่างประเทศครับ แบบว่าอยากเปิดโลกกว้าง หาประสบการณ์ใหม่ๆ ให้ชีวิต แล้วไอ้เจ้า IELTS เนี่ย มันก็เป็นเหมือนประตูด่านแรกที่เราต้องผ่านไปให้ได้ ตอนแรกก็ไฟแรงมาก หาข้อมูลหลักสูตร ประเทศนู้นประเทศนี้ พอมาถึงเรื่องคุณสมบัติเท่านั้นแหละ… IELTS! ก็โอเค สู้โว้ย!

ทีนี้ก็เริ่มหาข้อมูลการสอบเลยครับ เข้าเว็บนู้น ออกเว็บนี้ ถามเพื่อนที่เคยสอบมาแล้วบ้าง สิ่งแรกที่ทำให้ตาโตก็คือ ค่าสอบ นี่แหละครับ! ตอนนั้นที่ผมเช็คๆ ดูนะ (ซึ่งก็หลายปีมาแล้วเหมือนกัน ราคาอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงไปบ้าง) มันก็มีสองเจ้าหลักๆ ใช่ไหมครับ British Council กับ IDP ราคาก็ไม่ได้หนีกันมากเท่าไหร่
สำรวจค่าเสียหาย
ผมจำได้ลางๆ ว่าตอนนั้นที่ดูๆ ไว้ ค่าสอบแบบ Academic มันจะอยู่ที่ประมาณ เจ็ดพันกว่าบาท ครับ ถ้าเป็นแบบ UKVI นี่ก็จะแพงขึ้นไปอีกหน่อย โอ๊ย! ตอนเห็นตัวเลขครั้งแรกนี่แอบคิดในใจนะ “แพงเอาเรื่องเหมือนกันนะเนี่ย” คือเข้าใจแหละว่ามันเป็นข้อสอบมาตรฐานสากล มีกระบวนการ มีต้นทุนอะไรต่างๆ แต่พอควักเงินจ่ายเองมันก็อดคิดไม่ได้จริงๆ
แล้วมันไม่ใช่แค่ค่าสอบอย่างเดียวนะครับที่ต้องเตรียมใจไว้ เพราะมันจะมีค่าใช้จ่ายแฝงอื่นๆ ตามมาอีกเป็นพรวนเลย เช่น:
- ค่าหนังสือเตรียมสอบ: อันนี้ก็แล้วแต่คนเลย บางคนอาจจะหาโหลดฟรีได้ แต่ถ้าอยากได้เล่มดีๆ อัปเดตๆ ก็ต้องลงทุนกันหน่อย
- ค่าคอร์สเรียนพิเศษ: สำหรับคนที่ไม่มั่นใจ อยากได้เทคนิค หรืออยากมีคนช่วยไกด์ อันนี้ก็เป็นอีกก้อนนึงที่ต้องบวกเพิ่มเข้าไป
- ค่าเดินทางไปสอบ: ถ้าศูนย์สอบไม่ได้อยู่ใกล้บ้าน หรืออยู่ต่างจังหวัด ก็ต้องมีค่าเดินทาง ค่าที่พักอีก
- ค่าสมัครสอบซ้ำ (ถ้าเกิดพลาด): อันนี้เป็นสิ่งที่ไม่อยากให้เกิดกับใครเลยจริงๆ เพราะมันหมายถึงการต้องจ่ายเงินก้อนเดิมอีกรอบ! คิดแล้วก็เสียวสันหลัง
คือรวมๆ แล้วกว่าจะสอบผ่านได้นี่ บางคนอาจจะต้องเสียเงินเป็นหมื่นเลยนะครับ มันก็เป็นจำนวนเงินที่ไม่น้อยเลยสำหรับนักเรียนหรือคนที่เพิ่งเริ่มทำงาน
ประสบการณ์ตอนจ่ายจริง
พอตัดสินใจได้ว่าจะสอบที่ไหน วันไหน ก็มาถึงขั้นตอนการสมัครและจ่ายเงิน ตอนกรอกข้อมูลออนไลน์ก็ไม่ได้มีอะไรซับซ้อนครับ แต่พอถึงหน้าจ่ายเงินนี่สิ… แอบใจหายเล็กๆ ฮ่าๆๆ ตอนนั้นผมเลือกจ่ายผ่านบัตรเครดิตไป รูดปื๊ดเดียว เงินก็ลอยออกจากกระเป๋าไปเรียบร้อย ความรู้สึกตอนนั้นมันแบบ… อืม… มันเป็นความรู้สึกที่ต้องจ่ายเพื่ออนาคตน่ะครับ ก็ต้องยอม!
หลังจากจ่ายเงินไปแล้ว ความรู้สึกกดดันมันก็เพิ่มขึ้นมาอีกระดับนึงเลยนะ คือมันไม่ใช่แค่กดดันว่าต้องสอบให้ได้คะแนนดีๆ ตามเกณฑ์อย่างเดียว แต่มันมีความรู้สึกว่า “ฉันจ่ายไปเยอะแล้วนะเฟ้ย ต้องทำให้คุ้ม!” เข้ามาด้วย ใครเป็นเหมือนกันบ้างครับ?
จำได้เลยว่าช่วงก่อนสอบนี่อ่านหนังสือหนักมาก แล้วก็พยายามจะไม่คิดถึงเงินที่จ่ายไป พยายามโฟกัสแค่เรื่องการเตรียมตัวสอบอย่างเดียว แต่ลึกๆ มันก็อดคิดไม่ได้จริงๆ นะครับว่าถ้าพลาดขึ้นมานี่แย่เลย ทั้งเสียใจ ทั้งเสียดายเงิน
คุ้มไหมกับที่จ่ายไป?
ถ้าถามว่าค่าสอบ IELTS มันแพงไหม ส่วนตัวผมก็ยังยืนยันคำเดิมว่า แพงครับ ฮ่าๆๆ แต่ถ้าถามว่ามันคุ้มค่าไหม อันนี้ก็คงต้องตอบว่า “แล้วแต่คน” และ “แล้วแต่เป้าหมาย” ครับ
สำหรับผมที่ตอนนั้นตั้งใจจะไปเรียนต่อจริงๆ การสอบ IELTS ผ่านและได้คะแนนตามที่ต้องการ มันก็เหมือนเป็นการปลดล็อกด่านสำคัญ มันทำให้ผมสามารถเดินตามความฝันได้ เพราะฉะนั้นถ้ามองในมุมนั้น มันก็ถือว่าคุ้มค่ากับการลงทุนครับ

แต่ถึงอย่างนั้น ผมก็ยังคิดว่าถ้าค่าสอบมันถูกลงกว่านี้อีกสักหน่อยก็น่าจะดีนะ มันจะเป็นการเปิดโอกาสให้คนอีกเยอะเลยที่อาจจะมีข้อจำกัดเรื่องงบประมาณ ให้สามารถเข้าถึงการสอบวัดระดับภาษาที่เป็นสากลแบบนี้ได้ง่ายขึ้น
สุดท้ายนี้ก็อยากจะฝากถึงเพื่อนๆ หรือน้องๆ ที่กำลังวางแผนจะสอบ IELTS นะครับว่า นอกจากจะต้องเตรียมตัวเรื่องเนื้อหาการสอบให้พร้อมแล้ว ก็อย่าลืมเตรียมงบประมาณในส่วนนี้ไว้ด้วย มันเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่เราต้องคำนึงถึงจริงๆ ครับ วางแผนการเงินดีๆ จะได้ไม่เครียดจนเกินไปนะครับ สู้ๆ ครับทุกคน!