สวัสดีครับทุกคน วันนี้ผมอยากจะมาเล่าเรื่องประสบการณ์ตรงๆ ของผมกับเจ้าคะแนน SAT นี่แหละครับ สมัยที่ผมต้องเตรียมตัวสอบเข้ามหาวิทยาลัยเนี่ย คำว่า SAT นี่มันวนเวียนอยู่ในหัวตลอดเวลาเลยจริงๆ ครับ มันเหมือนเป็นประตูด่านแรกๆ ที่เราต้องผ่านไปให้ได้
จุดเริ่มต้นของการเดินทางสาย SAT
ตอนนั้นก็เหมือนเด็ก ม.ปลาย ทั่วไปแหละครับ ที่โดนรุ่นพี่บ้าง อาจารย์แนะแนวบ้าง หรือแม้กระทั่งเพื่อนๆ กันเอง พูดถึงแต่เรื่องสอบ SAT เพื่อยื่นคะแนนเข้าคณะอินเตอร์ฯ หรือบางที่ก็ใช้ยื่นภาคปกติด้วยซ้ำไป ตอนแรกก็งงๆ นะครับว่ามันคืออะไร รู้แต่ว่าต้องสอบ ต้องได้คะแนนดีๆ ถึงจะมีโอกาส ผมก็เลยตัดสินใจว่า เอาวะ! ลองดูซักตั้ง มันจะยากซักแค่ไหนกันเชียว
ช่วงเวลาแห่งการเตรียมตัว (ที่แสนจะทรหด)
พอตัดสินใจแล้วว่าจะสอบ ทีนี้ก็ถึงขั้นตอนการเตรียมตัวสิครับ โอ้โห… ผมบอกเลยว่าช่วงนั้นเป็นอะไรที่หนักหน่วงมากครับ ผมเริ่มต้นจากการไปหาซื้อหนังสือ SAT มาอ่านเองก่อนเลยครับ เล่มหนาปึ้ก! เปิดไปเจอศัพท์ภาษาอังกฤษนี่ตาลายเลยครับ ศัพท์ยากมาก บางคำไม่เคยเห็นในชีวิตประจำวันเลยด้วยซ้ำ
- ส่วน Reading: อันนี้หนักสุดสำหรับผมเลยครับ บทความยาวเหยียด แถมคำถามก็วิเคราะห์ซับซ้อน อ่านรอบแรกนี่แทบไม่เข้าใจ ต้องอ่านซ้ำไปซ้ำมา จับใจความสำคัญ ฝึกทำโจทย์เก่าๆ เยอะมากครับ แรกๆ นี่ผิดกระจาย ท้อเหมือนกันนะ แต่ก็กัดฟันสู้
- ส่วน Writing and Language: ส่วนนี้ผมว่าพอถูไถไปได้นะ มันเน้นแกรมม่า การใช้ภาษาที่ถูกต้อง ซึ่งถ้าเราพอมีพื้นฐานมาบ้าง ก็จะช่วยได้เยอะ แต่ก็ต้องระวังพวกโจทย์หลอกเหมือนกันครับ
- ส่วน Math: อันนี้ส่วนตัวผมค่อนข้างชอบนะ แต่ก็ประมาทไม่ได้เลยครับ มันมีทั้งส่วนที่ให้ใช้เครื่องคิดเลขได้กับไม่ได้ สูตรต่างๆ ก็ต้องจำให้แม่น บางทีโจทย์มันก็ดูง่ายๆ นะ แต่ถ้าเราไม่รอบคอบก็พลาดได้ง่ายๆ เลย
นอกจากการอ่านหนังสือแล้ว ผมก็มีไปลงคอร์สติวบ้างครับ เพื่อให้มีคนคอยแนะแนวทาง ชี้จุดที่เราพลาดบ่อยๆ แล้วก็หาเพื่อนร่วมชะตากรรมครับ อย่างน้อยก็มีคนให้ปรึกษา มีคนให้บ่นด้วยกันบ้าง มันก็ช่วยลดความเครียดไปได้เยอะเลยครับ ช่วงนั้นผมนี่ตื่นเช้ามาอ่านหนังสือ ทำโจทย์ วนไปวนมาอยู่อย่างนั้นเป็นเดือนๆ เลยครับ ยอมรับเลยว่าเหนื่อยจริง
วันสอบจริง… ความตื่นเต้นและความกดดัน
พอถึงวันสอบจริงนี่ไม่ต้องพูดถึงเลยครับ ตื่นเต้นสุดๆ คืนก่อนสอบนี่แทบนอนไม่หลับเลยครับ กังวลไปหมด กลัวทำไม่ได้ กลัวไม่ทันเวลา บรรยากาศในห้องสอบนี่มันเงียบกริบ มีแต่เสียงดินสอขูดกับกระดาษ เสียงพลิกข้อสอบ มันกดดันมากๆ ครับ ตอนทำข้อสอบนี่ผมพยายามตั้งสติ ทำส่วนที่ตัวเองมั่นใจก่อน ส่วนไหนยากก็ข้ามไปก่อนแล้วค่อยกลับมาทำ พยายามบริหารเวลาให้ดีที่สุด พอทำเสร็จเดินออกจากห้องสอบนี่โล่งเลยครับ เหมือนยกภูเขาออกจากอก แต่ก็ยังแอบลุ้นๆ อยู่ในใจว่าผลจะออกมาเป็นยังไง
รอคอย… และวันที่คะแนนออก
ช่วงรอคะแนนนี่ทรมานกว่าตอนสอบอีกนะครับ มันเหมือนรอคอยอะไรบางอย่างที่ไม่รู้ว่าจะดีหรือร้าย ผมนี่เช็คอีเมล เช็คเว็บไซต์ทุกวันเลยครับ พอถึงวันที่คะแนนออกจริงๆ หัวใจนี่เต้นรัวเลยครับ ล็อกอินเข้าไปดูคะแนน… ตอนเห็นคะแนนครั้งแรกก็มีทั้งดีใจ ทั้งผิดหวังปนๆ กันไปครับ บางพาร์ทก็ได้ตามที่หวังไว้ บางพาร์ทก็ได้น้อยกว่าที่คิดนิดหน่อย
บทสรุปและสิ่งที่ได้เรียนรู้จากคะแนน SAT
หลังจากผ่านประสบการณ์นั้นมา ผมมองว่าคะแนน SAT มันก็เป็นแค่ส่วนหนึ่งของการวัดผลจริงๆ ครับ มันไม่ได้ตัดสินทุกอย่างในชีวิตเรา มันอาจจะเป็นใบเบิกทางที่ดีในการเข้ามหาวิทยาลัย แต่ระหว่างทางของการเตรียมตัวสอบต่างหากที่ผมคิดว่ามันให้อะไรเรามากกว่าเยอะเลยครับ
ผมได้เรียนรู้เรื่องความอดทน ความพยายาม การวางแผน การบริหารเวลา และที่สำคัญที่สุดคือการรู้จักตัวเองมากขึ้น รู้ว่าเราเก่งด้านไหน ไม่เก่งด้านไหน ต้องพัฒนาตรงไหน คะแนนที่ออกมามันก็เป็นแค่ตัวเลขชุดหนึ่งครับ ถ้ามันดีก็ถือเป็นกำลังใจ แต่ถ้ามันยังไม่เป็นไปตามที่เราหวังไว้ ก็อย่าเพิ่งท้อแท้ครับ มันยังมีหนทางอื่นๆ อีกมากมายให้เราเดิน
สุดท้ายนี้ ผมอยากจะบอกน้องๆ หรือใครก็ตามที่กำลังจะต้องเผชิญหน้ากับเจ้า SAT ว่า อย่าไปกดดันตัวเองมากจนเกินไปครับ ทำให้เต็มที่ที่สุดในแบบของเราก็พอแล้ว ผลลัพธ์มันจะเป็นยังไงก็ค่อยว่ากันอีกที อย่างน้อยเราก็ได้พยายามแล้ว สู้ๆ นะครับทุกคน!