สวัสดีครับเพื่อนๆ วันนี้ผมอยากจะมาแชร์ประสบการณ์ตรงๆ เลยครับ เรื่องมันเริ่มจากหลานชายตัวดีนี่แหละ จู่ๆ ก็เดินมาบอกว่าอยากจะไปเรียนต่อต่างประเทศ ไอ้เราก็เออออไปกับเค้าด้วยความตื่นเต้น (ในใจก็คิดว่างานเข้าแล้วสิ 555) สิ่งแรกที่ผุดขึ้นมาในหัวเลยก็คือเรื่องสอบต่างๆ นานา และแน่นอนว่าหนึ่งในนั้นก็คือ SAT ครับ
ทีนี้พอตั้งหลักได้ สิ่งแรกที่ผมเริ่มลงมือทำเลยก็คือการหาตารางสอบ SAT ครับ ผมว่าอันนี้เป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญมากๆ เลยนะ เพราะถ้าไม่รู้ตารางสอบ เราจะวางแผนการเตรียมตัว การอ่านหนังสือ หรือแม้กระทั่งการสมัครสอบอะไรต่างๆ ไม่ได้เลย
ผมก็เริ่มจากเปิดคอมพิวเตอร์เลยครับ เข้ากูเกิลแล้วก็พิมพ์คำว่า “ตารางสอบ SAT” ตรงๆ นี่แหละครับ ตอนแรกๆ ข้อมูลมันก็ขึ้นมาเยอะแยะเต็มไปหมดเลยนะ บางเว็บก็ดูเป็นทางการ บางเว็บก็ดูเป็นเว็บเอเจนซี่บ้าง ผมก็พยายามมองหาเว็บที่เป็นทางการที่สุด ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะเป็นเว็บของ College Board เองโดยตรง หรือเว็บที่อ้างอิงข้อมูลมาจาก College Board อย่างชัดเจน
พอได้ตารางสอบมาอยู่ในมือแล้ว (จริงๆ ก็คือเซฟไฟล์ PDF มานั่นแหละครับ 555) ผมก็ยังไม่จบแค่นั้นนะครับ ผมต้องเอามันมานั่งกางดูกับหลานชายเลย ว่าจะเลือกสอบรอบไหนดี เพราะมันไม่ได้มีแค่รอบเดียวไงครับ มันมีหลายรอบตลอดทั้งปี เราก็ต้องมาดูว่าช่วงไหนหลานเราพร้อมที่สุด ช่วงไหนโรงเรียนมีกิจกรรมอะไรหรือเปล่า จะได้ไม่ชนกัน
ขั้นตอนที่ผมทำต่อจากนั้นก็คือ:
- ปรึกษากับหลาน: คุยกันเลยว่าอยากสอบช่วงไหน มีเวลาเตรียมตัวอ่านหนังสือพอมั้ย บางทีผู้ใหญ่อย่างเราก็ต้องช่วยดูภาพรวมให้เด็กๆ เค้าด้วย
- เช็คเดดไลน์: อันนี้สำคัญมาก! ตารางสอบมันจะบอกวันสอบ แล้วก็บอกวันสุดท้ายที่ต้องสมัครสอบด้วย พลาดตรงนี้ไปนี่เรื่องใหญ่เลยนะครับ อาจจะต้องรอไปอีกรอบ เสียเวลาไปเปล่าๆ
- ทำเครื่องหมายในปฏิทิน: ผมนี่เอาปากกามาวงในปฏิทินที่บ้านเลยครับ ทั้งวันสอบ วันปิดรับสมัคร จะได้ไม่ลืม แล้วก็คอยเตือนหลานด้วย
- วางแผนการอ่านหนังสือ: พอรู้แล้วว่าจะสอบวันไหน ก็เริ่มวางแผนการอ่านหนังสือได้เลยครับ ว่าจะอ่านวิชาไหนก่อนหลัง ใช้เวลากับแต่ละส่วนเท่าไหร่
- หาข้อมูลเพิ่มเติม: นอกจากตารางสอบแล้ว ผมก็ยังช่วยหลานดูเรื่องสถานที่สอบใกล้บ้าน ขั้นตอนการสมัครสอบออนไลน์ต่างๆ เตรียมเอกสารอะไรบ้าง พวกนี้ก็ต้องเตรียมให้พร้อม
เอาจริงๆ นะครับ การหาตารางสอบ SAT มันอาจจะดูเป็นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ แต่สำหรับผม มันคือจุดเริ่มต้นของการวางแผนทั้งหมดเลย ถ้าเราเริ่มดี มีข้อมูลที่ถูกต้องอยู่ในมือ การเตรียมตัวในขั้นตอนต่อไปมันก็จะง่ายขึ้นเยอะเลยครับ มันทำให้เราเห็นภาพรวมทั้งหมด แล้วก็จัดการเวลาได้ดีขึ้นด้วย
ผมเองก็ไม่ได้เป็นผู้เชี่ยวชาญอะไรหรอกนะครับ อาศัยว่าเคยผ่านประสบการณ์ช่วยลูกช่วยหลานมาบ้าง ก็เลยอยากจะเอามาเล่าสู่กันฟัง เผื่อว่าจะเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ที่กำลังมองหาข้อมูลเรื่องนี้อยู่บ้าง ไม่มากก็น้อยครับ ลองค่อยๆ ทำไปทีละขั้นตอน ผมเชื่อว่าทุกคนทำได้แน่นอนครับ!