สวัสดีครับทุกคน วันนี้อยากจะมาแชร์ประสบการณ์ตรงเลยกับการไปตะลุยสนามสอบ SAT มา คือบอกตรงๆ นะ มันเป็นอะไรที่หลายคนคงเคยผ่าน หรือกำลังจะเจอ โดยเฉพาะน้องๆ ที่มองหาลู่ทางไปเรียนต่อนอก หรือแม้แต่หลักสูตรอินเตอร์ในบ้านเราเองก็ตาม
จุดเริ่มต้นของการตัดสินใจ และการเตรียมตัวเบื้องต้น
เรื่องของเรื่องคือ ผมมีความฝันอยากจะไปเรียนต่อต่างประเทศมาสักพักใหญ่ๆ แล้ว ทีนี้ไอ้เจ้า SAT เนี่ย มันก็เป็นเหมือนประตูด่านแรกๆ ที่ต้องผ่านไปให้ได้ ตอนแรกก็มึนๆ งงๆ นะว่าจะเริ่มยังไงดี ก็เลยเริ่มจากการค้นหาข้อมูลเลยครับ เข้าเว็บนู้น อ่านบล็อกนี้ ถามรุ่นพี่ที่เคยสอบมาบ้าง

พอได้ข้อมูลคร่าวๆ ก็ถึงขั้นตอนการสมัครสอบ อันนี้ก็วุ่นวายพอสมควร ต้องเข้าไปที่เว็บไซต์ของ College Board สร้างแอคเคาท์ กรอกข้อมูล เลือกวันสอบ เลือกสนามสอบ ซึ่งสนามสอบในไทยก็มีหลายที่นะ ต้องดูดีๆ ว่าสะดวกที่ไหน แล้วก็จ่ายตังค์ ซึ่งค่าสอบก็ไม่ใช่ถูกๆ เลยล่ะ
ลงสนามจริงกับการเตรียมตัวอ่านหนังสือ
พอสมัครเสร็จเรียบร้อย คราวนี้แหละของจริง! ผมเริ่มจากการไปหาซื้อหนังสือ Official Guide ของ SAT มาก่อนเลย เล่มหนาปึ้ก เห็นแล้วท้อ แต่ก็ต้องสู้เว้ย! แล้วก็เริ่มแบ่งเวลาอ่านหนังสือครับ
ผมจะแบ่งการเตรียมตัวออกเป็นส่วนๆ หลักๆ ก็คือ:
- Math (คณิตศาสตร์): ส่วนตัวผมว่าพาร์ทนี้ไม่ยากเท่าไหร่ถ้าพื้นฐานเราแน่นพอ มันจะมีทั้งส่วนที่ให้ใช้เครื่องคิดเลขได้ กับส่วนที่ห้ามใช้ ก็ต้องฝึกทำให้คล่องทั้งสองแบบ เน้นทำโจทย์เยอะๆ จับเวลาจริงจัง
- Reading (การอ่าน): พาร์ทนี้แหละที่ทำเอาผมปวดหัวสุดๆ คำศัพท์ยากมาก บทความก็ยาว แถมเวลายังน้อยนิด ต้องฝึกอ่านเร็วจับใจความสำคัญให้ได้ ผมใช้วิธีอ่านบทความภาษาอังกฤษเยอะๆ นอกเหนือจากในหนังสือเตรียมสอบด้วย ช่วยได้เยอะเลย
- Writing and Language (การเขียนและภาษา): ส่วนนี้จะเน้นเรื่องแกรมมาร์ โครงสร้างประโยค การใช้คำให้ถูกต้อง ถ้าใครแม่นแกรมมาร์อยู่แล้วก็สบายไปเปลาะหนึ่ง แต่ก็ต้องระวังพวกโจทย์ที่มันหลอกๆ ด้วยนะ
ช่วงเตรียมตัวนี่ผมใช้เวลาประมาณ 3-4 เดือนได้ครับ คือพยายามทำให้สม่ำเสมอทุกวัน วันไหนขี้เกียจก็อาจจะทำน้อยหน่อย แต่วันไหนฟิตๆ ก็จัดเต็ม มีท้อบ้าง เหนื่อยบ้างเป็นธรรมดา แต่ก็นึกถึงเป้าหมายเข้าไว้
อ้อ! อีกอย่างที่สำคัญมากๆ คือ การทำข้อสอบเก่า หรือ Practice Tests อันนี้ช่วยได้เยอะจริงๆ ทำให้เราชินกับรูปแบบข้อสอบ รู้ว่าเราอ่อนตรงไหน ต้องไปเน้นอะไรเพิ่ม แล้วก็ช่วยเรื่องการบริหารเวลาด้วย สำคัญสุดๆ
วันสอบจริง และบรรยากาศในสนามสอบ
คืนก่อนสอบนี่นอนไม่ค่อยหลับเลย ตื่นเต้นมาก! พยายามทำใจให้สบาย เตรียมของทุกอย่างให้พร้อม ทั้งดินสอ 2B ยางลบ บัตรประชาชน ใบ Admission Ticket เครื่องคิดเลข (เช็ครุ่นที่อนุญาตด้วยนะ) นาฬิกาข้อมือ (แบบธรรมดา ไม่มีเสียง ไม่มีฟังก์ชันอะไรพิสดาร) แล้วก็เสื้อกันหนาวเผื่อห้องสอบมันหนาว
วันสอบจริง ผมไปถึงสนามสอบก่อนเวลาพอสมควร ไปถึงก็จะมีเจ้าหน้าที่คอยตรวจเอกสาร จัดแถว บรรยากาศค่อนข้างตึงเครียดนิดๆ ทุกคนดูตั้งใจกันมาก พอเข้าไปในห้องสอบแล้ว เขาก็จะอธิบายกฎระเบียบต่างๆ ห้ามนำอะไรที่ไม่เกี่ยวข้องเข้าห้องสอบเด็ดขาด รวมถึงโทรศัพท์มือถือด้วย ต้องปิดเครื่องแล้วฝากไว้เลย
ตอนทำข้อสอบนี่คือแบบ… สมาธิต้องมาเต็มจริงๆ ครับ เวลาแต่ละพาร์ทมันผ่านไปเร็วมาก ทำไปก็ลุ้นไปว่าจะทันไหม พอหมดเวลาแต่ละส่วนก็จะมีพักเบรกสั้นๆ ให้เข้าห้องน้ำ ดื่มน้ำได้บ้าง
ส่วนตัวผมรู้สึกว่าพาร์ท Reading ยากสุดอย่างที่คิดไว้จริงๆ ส่วน Math ก็ทำได้เรื่อยๆ มีติดบ้างนิดหน่อย พอสอบเสร็จทุกอย่างนี่คือโล่งแบบสุดๆ แต่ก็เหนื่อยมาก สมองเบลอไปหมด

หลังสอบ และการรอคอยผลลัพธ์
หลังจากสอบเสร็จ ก็เป็นช่วงเวลาแห่งการรอคอยผลสอบ ซึ่งก็นานอยู่เหมือนกันนะ ประมาณ 2-3 อาทิตย์ได้มั้งถ้าจำไม่ผิด ช่วงนี้ก็ลุ้นๆ ไป แต่ก็พยายามไม่คิดมาก ทำใจให้สบาย
พอผลสอบออก ก็เข้าไปเช็คในเว็บไซต์ของ College Board นั่นแหละครับ วินาทีที่เห็นคะแนนนี่ใจเต้นตึ้กตั้กเลย ไม่ว่าผลจะออกมาเป็นยังไง อย่างน้อยเราก็ได้ทำเต็มที่แล้ว
สำหรับผม ประสบการณ์การสอบ SAT ครั้งนี้ถือเป็นบทเรียนสำคัญเลยนะ มันสอนให้เรารู้จักวางแผน จัดการเวลา มีวินัยกับตัวเอง แล้วก็อดทนกับความยากลำบาก ใครที่กำลังจะสอบก็ขอเป็นกำลังใจให้นะครับ เตรียมตัวให้ดีที่สุด ทำให้เต็มที่ แล้วผลลัพธ์มันจะออกมาดีเอง สู้ๆ ครับ!