สวัสดีครับทุกคน! วันนี้อยากจะมาแชร์ประสบการณ์ตรงๆ ของผมกับคำว่า “o2 sat” เนี่ยแหละครับ คือเรื่องมันเริ่มมาจากช่วงโควิดระบาดหนักๆ เลยนะ ตอนนั้นจำได้ว่าใครๆ ก็พูดถึง ไอ้ค่า o2 sat นี่เต็มไปหมดเลย บนข่าวก็พูดถึง คนรอบตัวก็พูดถึง บางคนก็แห่ไปซื้อเครื่องวัดปลายนิ้วเล็กๆ มาติดบ้านกัน ผมเองตอนแรกก็งงๆ นะครับ อะไรคือ o2 sat วะ? ฟังดูเหมือนศัพท์เทคนิคอะไรสักอย่างที่เราคนธรรมดาไม่น่าจะเข้าใจได้ง่ายๆ
ตอนแรกๆ ผมก็ปล่อยผ่านนะ ไม่ได้ใส่ใจอะไรมาก คิดว่าเดี๋ยวเรื่องมันก็คงซาไปเองแหละ แต่ทีนี้มันมีอยู่ช่วงนึง ที่ญาติผู้ใหญ่ที่บ้านผมไม่ค่อยสบาย แล้วเวลาไปหาหมอ หรือคุยกับหมอเนี่ย หมอก็จะถามถึงค่า o2 sat ตลอดเลย ตอนนั้นแหละครับที่ผมเริ่มรู้สึกว่า เอ้อ ไม่ได้การละ เราจะมานั่งทำหน้างงๆ ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรเลยก็คงไม่ได้ อย่างน้อยๆ ก็ควรจะรู้ไว้บ้างว่ามันคืออะไร เกี่ยวข้องกับสุขภาพยังไง เผื่อต้องดูแลใคร หรือต้องตัดสินใจอะไร จะได้พอมีข้อมูลบ้าง ไม่ใช่เอ๋อรับประทานอย่างเดียว

เอาล่ะสิ ทีนี้ผมก็เริ่มปฏิบัติการสืบเสาะหาความรู้เลยครับ อย่างแรกเลยนะ ผมลองถามเพื่อนที่พอจะมีความรู้เรื่องพวกนี้บ้าง เขาก็อธิบายมานะ แต่ศัพท์มันก็ยังดูวิชาการไปหน่อยสำหรับผม “ค่าความอิ่มตัวของออกซิเจนในเลือด” ฟังแล้วก็แบบ อืม… ออกซิเจน เลือด พอเข้าใจ แต่ “ความอิ่มตัว” นี่มันยังไงนะ เหมือนผ้าเปียกน้ำจนอิ่มตัวงี้เหรอ? ผมก็ยังเกาหัวแกรกๆ อยู่
ผมก็เลยลองไปค้นหาในอินเทอร์เน็ตดูบ้าง พิมพ์ไปเลย “o2 sat คือ” แบบที่เรากำลังคุยกันอยู่นี่แหละ โอ้โห ข้อมูลขึ้นมาเพียบเลยครับ มีทั้งแบบละเอียด แบบย่อ แบบเข้าใจง่าย แบบเข้าใจยากปนๆ กันไป ผมก็พยายามเลือกอ่านอันที่มันดูบ้านๆ ที่สุด อันที่มันอธิบายแบบไม่ต้องใช้ศัพท์หมอเยอะๆ
แล้วผมก็ไปเจอไอ้เครื่องวัดออกซิเจนปลายนิ้วที่เขาฮิตๆ กันนั่นแหละครับ เห็นคนใช้กันเยอะแยะ ราคาตอนนั้นก็มีตั้งแต่ถูกๆ ยันแพงๆ ผมก็เลยตัดสินใจว่า เอ้า! ลองซื้อมาใช้ดูสักอันสิ จะได้รู้กันไปเลยว่ามันเป็นยังไง พอได้เครื่องมานะ ผมก็ลองเอามาหนีบที่นิ้วตัวเองดูเลยครับ ตื่นเต้นนิดๆ นะตอนแรก ฮ่าๆ พอหนีบไปสักพักมันก็มีตัวเลขขึ้นมา สองสามตัว มีอันนึงเขียนว่า SpO2 แล้วก็มีอีกอันเป็นอัตราการเต้นของหัวใจ ไอ้เจ้า SpO2 นี่แหละครับ ที่เขาเรียกว่า o2 sat หรือค่าออกซิเจนในเลือด
ทีนี้พอเห็นตัวเลขแล้ว คำถามต่อมาคือ แล้วมันต้องเท่าไหร่ถึงจะดีล่ะ? ผมก็ไปหาข้อมูลต่ออีกนิดหน่อย ส่วนใหญ่ที่อ่านเจอนะครับ เขาบอกว่าค่าปกติของคนทั่วไปเนี่ย ควรจะอยู่ที่ 95% ขึ้นไป ถ้าต่ำกว่านี้ โดยเฉพาะถ้าต่ำกว่า 90-92% เนี่ย อาจจะต้องเริ่มสังเกตอาการตัวเองละ หรือถ้ามีคนป่วยที่บ้านค่าต่ำขนาดนั้น ก็ควรจะปรึกษาหมอ เพราะมันอาจจะแปลว่าร่างกายได้รับออกซิเจนไม่เพียงพอ
พอผมเริ่มจับใจความได้นะ ผมก็ถึงบางอ้อเลยครับว่า อ๋อ… ไอ้เจ้า o2 sat ที่เขาพูดๆ กันเนี่ย มันก็คือการวัดว่าเลือดเรามีออกซิเจนอยู่มากน้อยแค่ไหนนั่นเอง ถ้าเปรียบเทียบง่ายๆ นะครับ เหมือนกับว่าเม็ดเลือดแดงของเราเนี่ยเป็นรถขนส่งออกซิเจน ถ้าค่า o2 sat สูงๆ ก็เหมือนกับรถทุกคันมีออกซิเจนบรรทุกเต็มคันรถ พร้อมจะส่งไปเลี้ยงส่วนต่างๆ ของร่างกาย แต่ถ้าค่ามันต่ำ ก็เหมือนกับรถส่วนใหญ่วิ่งรถเปล่า ออกซิเจนไปไม่ถึงที่หมาย ร่างกายก็แย่สิครับ
สรุปแล้ว จากประสบการณ์ที่ผมไปขวนขวายหาข้อมูลมาเนี่ย ไอ้ “o2 sat คือ” เนี่ย มันก็ไม่ได้ลึกลับซับซ้อนอะไรขนาดนั้นเลยครับ มันเป็นแค่ตัวเลขที่ช่วยบอกเราเบื้องต้นว่าร่างกายเรายังได้รับออกซิเจนดีอยู่หรือเปล่า การที่ได้รู้เรื่องนี้ไว้บ้างเนี่ย มันก็ทำให้ผมรู้สึกอุ่นใจขึ้นนะ อย่างน้อยถ้ามีสถานการณ์อะไรเกิดขึ้นกับตัวเองหรือคนในครอบครัว เราก็พอจะเข้าใจได้ว่าหมอพูดถึงอะไร หรือตัวเลขบนเครื่องวัดเล็กๆ นั่นมันกำลังบอกอะไรเราอยู่ ไม่ต้องตื่นตูมไปซะทุกเรื่อง หรือไม่รู้เรื่องอะไรเลย มันก็ดีกว่าเยอะเลยครับ
บางทีเรื่องสุขภาพหรือเรื่องทางการแพทย์เนี่ย พอเราได้ลองใช้เวลาทำความเข้าใจกับมันสักหน่อย มองหามุมที่มันง่ายๆ บ้านๆ มันก็ไม่ได้น่ากลัวหรือเข้าใจยากอย่างที่คิดเสมอไปหรอกครับ ลองดูนะครับ!