เอ้อ วันนี้อยากมาแชร์ประสบการณ์ตรงๆ เลยนะ เรื่อง TOEFL iBT เนี่ย ตอนแรกก็งงๆ เหมือนกันว่ามันคืออะไรวะ คือเรื่องของเรื่องมันเริ่มมาจากตอนนั้นอยากจะไปเรียนต่อต่างประเทศไง แล้วมหาลัยที่เล็งไว้เนี่ย เค้าดันต้องการผลสอบภาษาอังกฤษตัวนี้ซะด้วยสิ
เริ่มค้นคว้า ว่า TOEFL iBT มันคืออีหยัง
ตอนแรกเลยนะ ก็เหมือนคนทั่วไปแหละ คือรู้แค่ว่ามันคือสอบภาษาอังกฤษ แต่ไม่รู้รายละเอียดลึกๆ เลย ก็เลยต้องเริ่มลงมือค้นหาข้อมูลอย่างจริงจัง เปิดกูเกิล อ่านรีวิวตามเว็บบอร์ดต่างๆ ถามเพื่อนที่เคยสอบ ถามรุ่นพี่ที่ไปเรียนนอกมาแล้ว คือทำทุกวิถีทางที่จะให้เข้าใจมันมากขึ้น

ทีนี้พอไปขุดๆ ดู อ๋อออ มันคือการสอบวัดระดับภาษาอังกฤษสำหรับคนที่ไม่ได้ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาแม่นี่เอง ชื่อเต็มๆ ของมันคือ Test of English as a Foreign Language แล้วไอ้ iBT ที่ห้อยท้ายมาเนี่ย มันย่อมาจาก Internet-Based Test ก็คือสอบผ่านคอมพิวเตอร์นั่นแหละ ไม่ต้องไปนั่งฝนกระดาษคำตอบเหมือนสมัยก่อนแล้ว สะดวกขึ้นเยอะ
แล้วสอบไปทำไม? ใครต้องใช้บ้าง?
จากที่ไปสืบเสาะมานะ ส่วนใหญ่เลยคือเค้าเอาไว้ใช้ยื่นสมัครเรียนต่อมหาลัยในต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศที่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นหลัก อย่างอเมริกา แคนาดา อังกฤษ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ อะไรพวกนี้ บางทีก็ใช้สมัครงานที่ต้องการภาษาอังกฤษเป๊ะๆ ในบริษัทอินเตอร์ฯ หรือองค์กรระหว่างประเทศด้วยนะ
เจาะลึกแต่ละพาร์ทที่ต้องเจอ
พอรู้แล้วว่ามันคืออะไร ใช้ทำอะไร คราวนี้ก็มาถึงขั้นตอนทำความเข้าใจตัวข้อสอบ ว่ามันมีกี่ส่วน สอบอะไรบ้าง จากที่ไปติวเอง อ่านเอง ลองทำข้อสอบเก่าๆ เอง ก็สรุปได้ประมาณนี้:
-
การอ่าน (Reading): พาร์ทนี้จะให้อ่านบทความยาวๆ ส่วนใหญ่เป็นเรื่องวิชาการหน่อยๆ แบบที่เราเรียนในมหาลัยนั่นแหละ แล้วก็ตอบคำถามจากเรื่องที่อ่าน อ่านจนตาแฉะเลยล่ะ บอกตรงๆ
-
การฟัง (Listening): อันนี้ก็จะเป็นการฟังเลคเชอร์ในห้องเรียนบ้าง บทสนทนาระหว่างนักศึกษาหรืออาจารย์บ้าง แล้วก็ตอบคำถามจากสิ่งที่ได้ยิน ต้องตั้งใจฟังดีๆ เลยล่ะ ไม่งั้นหลุดประเด็นสำคัญไปง่ายๆ
-
การพูด (Speaking): พาร์ทนี้แหละที่หลายคนกลัวกัน รวมถึงตัวผมเองด้วยตอนแรกๆ เค้าจะให้เราพูดตอบคำถาม อธิบายความคิดเห็นตัวเอง หรือสรุปจากเรื่องที่อ่านและฟังมา แล้วก็อัดเสียงผ่านไมโครโฟนไปเลย ตอนแรกๆ ก็เกร็งๆ นะ พูดติดๆ ขัดๆ ต้องฝึกเยอะมาก
-
การเขียน (Writing): อันสุดท้ายก็ให้เขียนเรียงความ มีทั้งแบบสรุปจากเรื่องที่อ่านและฟังมา (Integrated Task) กับอีกแบบคือแสดงความคิดเห็นของเราเองต่อหัวข้อที่เค้าให้มา (Independent Task) พิมพ์กันนิ้วล็อกเลยทีเดียว
ประสบการณ์เตรียมตัว และวันสอบจริง (ที่เกือบจะไปสอบ)
หลังจากที่ศึกษาข้อมูลจนทะลุปรุโปร่งแล้ว ก็เริ่มวางแผนเตรียมตัว ผมเนี่ยเริ่มจากการไปหาซื้อหนังสือเตรียมสอบ TOEFL มาหลายเล่มเลย ทั้งแบบรวมทุกพาร์ท ทั้งแบบแยกพาร์ท แล้วก็ลองทำข้อสอบเก่าๆ ที่หาได้จากอินเทอร์เน็ต ดูคลิปสอนเทคนิคต่างๆ ในยูทูบเยอะมาก คือช่วงนั้นชีวิตวนเวียนอยู่กับการอ่าน ฟัง พูด เขียน ภาษาอังกฤษล้วนๆ
จำได้เลยว่าตอนซ้อมพูดนี่ อัดเสียงตัวเองแล้วมาฟัง โห ตอนแรกนี่รับไม่ได้เลย สำเนียงเอย แกรมม่าเอย มั่วไปหมด แต่ก็พยายามฝึกไปเรื่อยๆ จนมันเริ่มเข้าที่เข้าทางมากขึ้น ส่วนการเขียนก็พยายามเขียนทุกวัน หาคนช่วยตรวจแกรมม่าให้บ้าง

จริงๆ แพลนไว้ว่าจะไปสอบช่วงปลายปีนั้น แต่พอดีมีเหตุให้ต้องเปลี่ยนแผนชีวิตกะทันหัน เลยยังไม่ได้ไปสอบจริงๆ สักที แต่จากที่เตรียมตัวมาทั้งหมด ก็ทำให้เข้าใจเจ้า TOEFL iBT นี่อย่างละเอียดเลยว่ามันคืออะไร วัดผลยังไง ต้องเตรียมตัวแบบไหน
สรุปจากประสบการณ์ตรง
ถึงแม้สุดท้ายจะยังไม่ได้ใช้คะแนน TOEFL iBT จริงๆ แต่การที่ได้ลงมือศึกษาและเตรียมตัวอย่างเต็มที่ ก็ทำให้รู้ว่ามันเป็นการสอบที่วัดทักษะภาษาอังกฤษได้ครบถ้วนดีนะ ทั้งอ่าน ฟัง พูด เขียน มันช่วยให้เราพัฒนาภาษาอังกฤษไปได้เยอะเลย ใครที่กำลังมองหาลู่ทางไปเรียนต่อ หรืออยากจะอัปสกิลภาษาอังกฤษตัวเองเนี่ย TOEFL iBT ก็เป็นตัวเลือกที่ไม่ควรมองข้ามเลยล่ะ มันคือเครื่องมือสำคัญตัวนึงเลยในการเปิดประตูสู่โอกาสใหม่ๆ
ก็ประมาณนี้แหละ ประสบการณ์ตรงๆ ที่อยากมาเล่าให้ฟัง หวังว่าจะเป็นประโยชน์กับคนที่กำลังงงๆ อยู่บ้างนะ ว่า TOEFL iBT คืออะไรกันแน่