englishtest.blog
  • GMAT
  • GRE
  • IELTS
  • SAT
  • TOEFL
  • TOEIC
  • รับบทเรียนทดลองเรียนฟรี
No Result
View All Result
  • GMAT
  • GRE
  • IELTS
  • SAT
  • TOEFL
  • TOEIC
  • รับบทเรียนทดลองเรียนฟรี
No Result
View All Result
englishtest.blog
No Result
View All Result
Home TOEIC

หมอ คืออะไร ? เรียนแพทย์ มี สาขาอะไรบ้าง ? เส้นทางเรียนหมอ

กันยายน 12, 2025
in TOEIC
Reading Time: 1 min read
Share on FacebookShare on Twitter

หมอ คืออะไร

หมอ คือ ผู้ตรวจ รักษา โรคและความผิดของร่ายกาย และจิตใจ โดยการสั่งยา ผ่าตัด รักษาคนผู้ป่วย โดยหมอมีหน้าที่และความรับผิดชอบต่อสุขภาพ ทั้งในด้านการส่งเสริม สนับสนุน ป้องกัน รักษาโรค ฟื้นฟูสมรรถภาพ

– วิทยาศาสตร์การแพทย์ เป็นการเรียนแพทย์ที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพของมนุษย์ นำไปสู่ความเข้าใจเชิงลึกเกี่ยวกับร่างกาย สุขภาพ การตรวจวินิจฉัย ป้องกันและเฝ้าระวังโรค การส่งเสริมสุขภาพ

– กุมารเวชศาสตร์ เป็นการแพทย์ที่เกี่ยวข้องกับการดูแลทางการแพทย์แก่ทารก, เด็ก และวัยรุ่น ตั้งแต่แรกเกิดจนถึงอายุประมาณ 14-18 ปี

– เลนส์สัมผัส จะเกี่ยวข้องกับคอนแทคเลนส์หรือเลนส์สัมผัส ค่อยคิดค้นขึ้นมาเพื่อแก้ไขปัญหาการที่ต้องสวมใส่แว่นตาสำหรับผู้ที่มีปัญหาสายตา

– จิตเวชศาสตร์ เป็นการแพทย์ที่เกี่ยวข้องกับปัญหาด้านจิตใจของบุคคล หรือสุขภาพจิต

– นิติเวชศาสตร์ เป็นวิชาแพทย์ที่เกี่ยวข้องกับกฏหมาย นำวิชาแพทย์ทุกสาขาไปประยุกต์ใช้แก่ขบวนการยุติธรรม

– พยาธิวิทยา เป็นวิชาทางการแพทย์เฉพาะ ที่เน้นศึกษาและวินิจฉัยโรคจากการตรวจอวัยวะ, เนื้อเยื่อ, เซลล์, สารคัดหลั่ง ทั้งร่างกายมนุษย์

– รังสีวิทยา เป็นการแพทย์เฉพาะทางที่เกี่ยวข้องกับการสร้างภาพในส่วนต่าง ๆ ของร่างกายเพื่อใช้ในการวินิจฉัยโรคโดยอาศัยเครื่องมือพิเศษ เช่น การใช้รังสีเอกซ์ ( x-ray ) รังสีแกมมา ( Gamma ray ) จากสารกัมมันตภาพรังสีคลื่นเสียง

– วิสัญญีวิทยา เป็นการแพทย์เฉพาะทางที่มีหน้าทีระงับความรู้สึกผู้ป่วยที่มารับการผ่าตัด ทั้งให้ยาระงับความรู้สึกทั่วร่างกายและให้ยาระงับความรู้สึกเฉพาะส่วน ดูแลเฝ้าระวังผู้ป่วยหลังให้ยาระงับความรู้สึกในห้องพักฟื้นจนปลอดภัยและส่งกลับหอผู้ป่วย

– เวชศาสตร์ครอบครัว เป็นการแพทย์ที่อยู่ประจำคลินิกโรคทั่วไป หรือศูนย์สุขภาพใกล้บ้าน เน้นเฉพาะทางในด้านการดูแลสุขภาพแบบองค์รวมให้กับคนทุกเพศทุกวัย

– เวชศาสตร์ป้องกัน เป็นการแพทย์ที่เกี่ยวข้องกับการป้องกัน และลดการแพร่กระจายของโรค ทั้งโรคติดต่อและโรคไม่ติดต่อ

– เวชศาสตร์ฟื้นฟู เป็นการแพทย์ที่เกี่ยวข้องกับให้การรักษาดูแลและฟื้นฟูสภาพของผู้ป่วย เพื่อให้กลับคืนสู่สภาพที่ใกล้เคียงปกติมากที่สุด

– สูติศาสตร์-นรีเวชวิทยา เป็นการแพทย์พิเศษที่เชี่ยวชาญในการดูแลผู้หญิงเมื่อตั้งครรภ์ การทำคลอดและตรวจรักษาโรคที่เกี่ยวข้องกับสตรี โดยเฉพาะปัญหาสุขภาพที่เกี่ยวข้องกับระบบสืบพันธุ์ โดยมีหน้าที่ครอบคลุมถึงการให้คำปรึกษาเรื่องการมีบุตรและการผ่าตัดต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับอวัยวะสืบพันธุ์ของผู้หญิง

– โสตศอนาสิกวิทยา เป็นวิชาแพทยศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับการวินิจฉัยและรักษาความผิดปกติของหู คอ จมูก

– ออร์โธปิดิกส์ เป็นวิชาแพทยศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับศัลยศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับกระดูก ข้อ เส้นเอ็น และกล้ามเนื้อต่าง ๆ ของร่างกาย

– อายุรศาสตร์ เป็นการแพทย์เฉพาะทางซึ่งเกี่ยวกับการป้องกัน การวินิจฉัยและการรักษาโรคและความผิดปกติในร่างกายผู้ใหญ่

คณะแพทย์ต้องเรียนอะไรบ้างในแต่ละปี ?

– ปี 1 เน้นปรับพื้นฐาน วิทยาศาสตร์ ม.ปลาย ได้แก่ วิชาฟิสิกส์ เคมี ชีววิทยา คณิตศาสตร์ ภาษาอังกฤษ (ที่ใช้ในการแพทย์) เป็นหลัก ซึ่งคือการเรียนปรับพื้นฐานโดยใช้ความรู้จาก ม.ปลายเป็นส่วนใหญ่

– ปี 2 เน้นเรียนรู้เกี่ยวกับศาสตร์ของแพทย์มากขึ้นกว่าตอนปี 1 โดยเรียนเกี่ยวกับโครงสร้างร่างกาย ระบบการทำงานต่าง ๆ ของร่างกายอย่างละเอียด เช่น ระบบประสาท ระบบเลือด และอื่นๆ อีกมากมาย อีกทั้งยังต้องเรียนวิชาทางกายวิภาค สรีรวิทยา พันธุศาสตร์ และยังได้พบกับอาจารย์ใหญ่และคำปฏิญาณด้วย เรียกได้ว่าเป็นปีที่ก้าวเข้าสู่การเป็นแพทย์ขึ้นมาในอีกระดับหนึ่ง

– ปี 3 เป็นปีที่เน้นเรียนเกี่ยวกับร่างกาย หลักภูมิคุ้มกัน ปรสิตวิทยา พยาธิทั่วไป เวชศาสตร์ชุมชนฯ และยาขั้นพื้นฐานในเภสัชวิทยา

– ปี 4 เป็นปีที่จะได้ก้าวเข้าสู่ชั้นคลินิก ซึ่งจะได้เรียนรู้และทดลองดูแลคนไข้จริง ๆ ในโรงพยาบาล ซึ่งจะได้วนไปตามวอร์ดต่างๆ จนครบ ถือว่าเป็นปีที่หนักอยู่พอสมควร แต่ก็เชื่อว่าจะเป็นช่วงที่น้อง ๆ จะได้สนุกมาก ๆ เช่นกัน

– ปี 5 เป็นการเรียนที่คล้ายตอนปี 4 คือ จะได้วนไปตามวอร์ดต่างๆ ตลอดทั้งปี แต่จะเป็นวอร์ดที่ไม่เคยเจอในปี 4 เช่น แผนกจิตเวช, แผนกนิติเวช เป็นต้น

– ปี 6 หรือที่เราเคยคุ้น ๆ กับคำว่า Extern ซึ่งปีนี้จะเป็นปีสุดท้ายของการเรียนแพทย์ ซึ่งการเรียในปี 6 นี้ น้อง ๆ จะได้ทำงานจริงเหมือนแพทย์ตามโรงพยาบาล ต้องออกตรวจคนไข้ รักษา เย็บแผลเอง ทำคลอดเอง ทำการผ่าตัดเล็กๆ คือต้องใช้ความรู้ที่เรียนมาทั้งหมด และยังได้ไปฝึกงานที่โรงพยาบาลในต่างจังหวัดด้วย และเมื่อสอบผ่านทั้งหมดแล้ว ก็จะได้จบมาเป็นคุณหมอเต็มตัว

อย่างไรก็ตาม หลังจากเรียนจบมาแล้ว ก็ยังมีการเรียนเฉพาะทางที่เจาะลึกไปในแต่ละด้าน เป็นลำดับขั้นไป ได้แก่ แพทย์ใช้ทุน (อินเทริ์น , Intern) / แพทย์ประจำบ้าน (เรสซิเด้นท์ , Resident) / แพทย์ประจำบ้านต่อยอด (เฟลโล่ชิป , Fellowship) / staff หรือเเพทย์ผู้จบเฉพาะทาง ตามลำดับ

เส้นทางการเรียนแพทย์

เส้นทางการเป็นคุณหมอ จริง ๆ แล้วก็มีแนวทางที่ไม่ต่างไปจากการสอบเข้าคณะอื่น ๆ มากนัก เนื่องจากคณะแพทยศาสตร์ ก็จะเปิดรับตามรอบของ TCAS เพียงแต่การแข่งขันจะค่อนข้างสูง การฝ่าฟันไปจนกว่าจะจบมาเป็นคุณหมอจึงไม่ใช่เรื่องง่าย ดังนั้น น้อง ๆ คนไหนที่อยากเป็นหมอ ก่อนจะเตรียมตัวในด้านอื่น ๆ ต่อ เรามาดูกันก่อน่าเส้นทางการเป็นคุณหมอนั้น มีอะไรบ้าง

1. การยื่นรอบ 1 Portfolio เป็นรอบที่เน้นผลงาน โดยจะต้องไม่ใช่ผลงานกิจกรรมสร้างสรรค์อย่างเดียวเท่านั้น แต่จะต้องมีผลงานทางด้านวิชาการ จิตสาธารณะ หรือการวิจัยต่าง ๆ เน้นผลคะแนนสอบภาษาอังกฤษ เช่น IELTS, TOEFL, CUTEP หรืออื่นๆ คะแนน TBAT และเกรดในโรงเรียนเองก็สำคัญเช่นกัน

2. การยื่นรอบ 2 โควตา, ทุน เป็นรอบการรับของโครงการต่าง ๆ เช่น โครงการผลิตแพทย์เพื่อชาวชนบท, โครงการแพทย์หนึ่งอำเภอหนึ่งทุน, โครงการแพทย์เพื่อชุมชน, โครงการผลิตแพทย์เพิ่ม, กลุ่มแพทย์เพื่อชุมชน, กลุ่มลดความเลื่อมล้ำ โควตาภาค, โครงการโอลิมปิกวิชาการ เป็นต้น ซึ่งมักจะเปิดรับทุกมหาวิทยาลัยที่เปิดสอนคณะแพทย์ ซึ่งนับเป็นโอกาสที่ดีของนักเรียนตามภูมิภาคต่าง ๆ เพราะโครงการเหล่านี้จะจำกัดคุณสมบัติเฉพาะพื้นที่ จึงทำให้คู่แข่งน้อย และบางโครงการยังมีทุนสนับสนุนการเรียนให้อีกด้วย โดยการคัดเลือกในรอบนี้มักจะใช้คะแนน BMAT, TOEFL, IELTS, CU-TEP คะแนน A-LEVEL บ้างก็ใช้ TPAT1 ความถนัดแพทย์ วิชาเฉพาะ กสพท บางที่สอบข้อสอบตรงของหาวิทยาลัยเพิ่มเติม

3. รอบ 3 Admission เลือก กสพท เป็นรอบที่กลุ่มสถาบันแพทยศาสตร์แห่งประเทศไทย (กสพท) จะเปิดรับนักเรียนเข้าสู่คณะแพทยศาสตร์ คณะทันตแพทยศาสตร์ คณะเภสัชศาสตร์ และคณะสัตวแพทยศาสตร์ โดยจะเปิดรับในระบบ TCAS รอบที่ 3 ถือเป็นช่องทางหลักเลยก็ว่าได้ เพราะรับนักเรียนทั่วไป จำนวนรับเยอะ ใช้เกณฑ์การคัดเลือกกลาง และที่สำคัญคือ ไม่จำกัดแผนการเรียน เปิดโอกาสให้น้อง ๆ ทุกสาย รวมไปถึงเด็กซิ่ว หรือผู้ที่จบป.ตรี ที่อายุไม่เกิน ได้มีโอกาสเข้ามาแข่งขันกันในสนามนี้ น้อง ๆ ที่สนใจต้องสมัครสอบ TPAT1 ความถนัดแพทย์ วิชาเฉพาะ ที่ทาง กสพท จัดสอบ และสมัครสอบ A-LEVEL ที่ทาง ทปอ. จัดสอบ จำนวน 7 วิชา ได้แก่ ไทย, สังคม, อังกฤษ, คณิตศาสตร์ 1, ฟิสิกส์, เคมี และชีววิทยา แล้วนำคะแนนสองส่วนนี้ไปยื่นในระบบ TCAS รอบที่ 3 ทาง ทปอ. เป็นผู้รับสมัครที่เว็บไซต์ https://mytcas.com

4. รอบ 4 Direct Admission เป็นรอบที่น้อง ๆ ต้องลุ้นกันหน่อย เพราะเป็นรอบเก็บตกสุดท้าย ต้องลุ้นว่าจะมีมหาวิทยาลัยไหนเปิดรับ และรับสมัครกี่คน ซึ่งหากมีเปิดรับก็จะใช้เกณฑ์เดียวกับรอบที่ 3 (กสพท) แต่เท่าที่ผ่านมาจะมีเปอร์เซ็นน้อยมาก ๆ ที่จะเปิดรอบนี้

5. รับตรงเอกชน เป็นรอบที่มหาวิทยาลัยเอกชนที่เปิดสอนหลักสูตรแพทยศาสตรบัณฑิตจะมีการเปิดรับตรง โดยใช้การสอบวัดความรู้ในรายวิชาภาษาอังกฤษ คณิตศาสตร์ เคมี และชีววิทยา

ส่วนหลักสูตรแพทย์อินเตอร์ ซึ่งจะมีเปิดสอนในบางมหาวิทยาลัย ก็มักจะเปิดรับในรอบต่าง ๆ ของระบบ TCAS เช่นกัน แต่คะแนนสอบที่ใช้ยื่นนั้นมักจะเป็นคะแนนภาษาอังกฤษ เช่น IELTS, TOEFL, CU-TEP, TU-GET แล้วแต่ว่าแต่ละมหาวิทยาลัยจะกำหนดเกณฑ์ไว้อย่างไร รวมไปถึงคะแนน SAT, A-Level

เปรียบเทียบ หลักสูตรหมออินเตอร์ กับ หมอหลักสูตรไทย

หลักสูตรการเรียน

หมอหลักสูตรอินเตอร์ และหลักสูตรไทยเรียน 6 ปี เท่ากัน แต่หมออินเตอร์จะเรียนเป็นภาษาอังกฤษทั้งหมด แต่อาจจะมีบางหลักสูตรที่เรียนเป็นตรีควบโท หรือเรียนข้ามศาสตร์ ตรงนี้ก็จะแตกต่างกันไปในแต่ละสถาบัน

วิธีการสอบเข้าหมอ

หมออินเตอร์อยู่ใน TCAS รอบที่ 1 วิชาหลักที่ใช้ยื่นคะแนน คือ BMAT และความสามารถทางภาษาอังกฤษ เช่น IELTS, TOEFL หรือมีผลคะแนนในด้านวิทยาศาสตร์ เช่น IB, A-Level หรือ ใช้ Portfolio ส่วนหมอหลักสูตรไทย เปิดรับทั้งรอบ 1 – 3 (รอบ 4 อาจจะมีถ้าที่นั่งไม่เต็ม) หลัก ๆ ใช้เกณฑ์ กสพท และเงื่อนไขอื่นเพิ่มเติมในรอบที่ 1 และ รอบที่ 2

ค่าเทอม

ค่าเทอมหมออินเตอร์จะสูงกว่าหมอหลักสูตรไทย

การใช้ทุน

ไม่ว่าจะเรียนหมอหลักสูตรไหน ไทยหรืออินเตอร์ก็ต้องใช้ทุนเหมือนกันทั้งหมด ยกเว้นหมอเอกชนที่ใช้ทุนส่วนตัวเรียน

เรียนแพทย์ค่าเทอม

ค่าเทอมของการเรียนหมอในแต่ละมหาวิทยาลัยจะแตกต่างกันไป วันนี้เราจึงนำข้อมูลค่าเทอมของหลักสูตรแพทย์มหาวิทยาลัยต่าง ๆ มาให้น้องๆที่อยากเรียนหมอได้ดูกันแบบคร่าว ๆ ดังนี้

– จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ค่าเล่าเรียนตลอดทั้งหลักสูตร ประมาณ 252,000 บาท

– มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ค่าเล่าเรียนตลอดทั้งหลักสูตร ประมาณ 253,200 บาท

– มหาวิทยาลัยมหิดล คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี รวมค่าเล่าเรียนตลอดทั้งหลักสูตร ประมาณ 106,000 บาท

– มหาวิทยาลัยมหิดล คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล รวมค่าเล่าเรียนตลอดทั้งหลักสูตร ประมาณ 118,000 บาท

– วิทยาลัยแพทยศาสตร์พระมงกุฎเกล้า ค่าเล่าเรียนตลอดทั้งหลักสูตร ประมาณ 144,000 บาท

– วิทยาลัยวิทยาศาสตร์การแพทย์เจ้าฟ้าจุฬาภรณ์ คณะแพทยศาสตร์และการสาธารณสุข ค่าเล่าเรียนตลอดทั้งหลักสูตร ประมาณ 106,000 บาท

– มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ คณะแพทยศาสตร์ ค่าเล่าเรียนตลอดทั้งหลักสูตร ประมาณ 336,000 บาท

– สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง คณะแพทยศาสตร์ ( หลักสูตรนานาชาติ ) ค่าเล่าเรียนตลอดทั้งหลักสูตร ประมาณ 5,940,000 บาท

– มหาวิทยาลัยรังสิต วิทยาลัยแพทยศาสตร์ ค่าเล่าเรียนตลอดทั้งหลักสูตร ประมาณ 3,300,000 บาท

– มหาวิทยาลัยนวมินทราธิราช คณะแพทยศาสตร์วชิรพยาบาล ค่าเล่าเรียนตลอดทั้งหลักสูตร ประมาณ 240,000 บาท

– มหาวิทยาลัยขอนแก่น ค่าเล่าเรียนตลอดทั้งหลักสูตร ประมาณ 216,000 บาท

– มหาวิทยาลัยบูรพา ค่าเล่าเรียนตลอดทั้งหลักสูตร ประมาณ 192,570 บาท

ฟรีคอร์สทดลองเรียน!

คุณต้องการเตรียมตัวสอบสำหรับ GMAT, GRE, IELTS, SAT, TOEFL, หรือ TOEIC ใช่หรือไม่?

เรามีคอร์สทดลองเรียนฟรีที่ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของคุณ!

✨ จุดเด่นของเรา:

  • การสอนแบบตัวต่อตัวโดยครูชาวต่างประเทศที่มีประสบการณ์

  • เรียนรู้เทคนิคและวิธีการทำข้อสอบที่ช่วยให้คุณเตรียมตัวได้อย่างมั่นใจ

  • ฝึกฝนกับข้อสอบจริงเพื่อเตรียมตัวก่อนวันสอบ

อย่าพลาดโอกาสนี้!

เพียงกรอกข้อมูลด้านล่างเพื่อรับคอร์สทดลองเรียนฟรีทันที!👇

There was an error trying to submit your form. Please try again.

กรุณากรอกชื่อของคุณ
This field is required.
กรุณากรอกหมายเลขโทรศัพท์ของคุณ
ฟิลด์นี้จำเป็นต้องระบุ
เลือกการฝึกอบรม *
กรุณาเลือกการฝึกอบรมที่คุณสนใจ
This field is required.

There was an error trying to submit your form. Please try again.

Related Posts

TOEIC

CU-TEP คืออะไร ข้อสอบภาษาอังกฤษของทาง จุฬาฯ

กันยายน 12, 2025
TOEIC

เรียน CU-TEP กลุ่มย่อย และ ติว CU TEP ตัวต่อตัว CHULA TUTOR

กันยายน 12, 2025
TOEIC

เปรียบเทียบข้อสอบ CU-TEP VS TU-GET

กันยายน 12, 2025
TOEIC

7 คำถามยอดฮิต สำหรับคน สมัครสอบ CU-TEP

กันยายน 12, 2025

หมวดหมู่

  • GMAT
  • GRE
  • IELTS
  • SAT
  • TOEFL
  • TOEIC

ที่แนะนำ.

สรุป เรื่อง สนามแม่เหล็ก สนามไฟฟ้า คืออะไร พร้อมข้อสอบ

กันยายน 12, 2025
เรียนภาษาอังกฤษเสาร์อาทิตย์ง่ายๆ สอนสดทุกสัปดาห์ ไม่พลาดคลาส!

เรียนภาษาอังกฤษเสาร์อาทิตย์ง่ายๆ สอนสดทุกสัปดาห์ ไม่พลาดคลาส!

กรกฎาคม 15, 2025
สอนภาษาอังกฤษตัวต่อตัวราคาไม่แพง พูดคล่องเร็ว เรียนได้ทุกวัย

สอนภาษาอังกฤษตัวต่อตัวราคาไม่แพง พูดคล่องเร็ว เรียนได้ทุกวัย

กรกฎาคม 1, 2025

IC LICENSE คืออะไร

กันยายน 12, 2025

ความแตกต่าง IELTS CU-TEP และ GAT

กันยายน 12, 2025

ตัวอย่าง ข้อสอบ CU-TEP เรื่อง past participle

กันยายน 12, 2025
รวมพิกัด สอบ toeic ต่าง จังหวัด เดินทางง่าย ใกล้บ้านคุณแน่นอน

รวมพิกัด สอบ toeic ต่าง จังหวัด เดินทางง่าย ใกล้บ้านคุณแน่นอน

มิถุนายน 7, 2025
อัปเดตใหม่ ข้อสอบ gmat pdf ชุดล่าสุด โหลดเก็บไว้เลย

อัปเดตใหม่ ข้อสอบ gmat pdf ชุดล่าสุด โหลดเก็บไว้เลย

พฤษภาคม 30, 2025

วิเคราะห์ ข้อสอบ TOEIC part 2

กันยายน 12, 2025

เคมี โครงสร้างอะตอมและตารางธาตุ

กันยายน 12, 2025

กำลังเป็นที่นิยม.

toeic grammar สรุป เน้นๆ ออกบ่อย อ่านจบทำข้อสอบได้เลย

toeic grammar สรุป เน้นๆ ออกบ่อย อ่านจบทำข้อสอบได้เลย

มิถุนายน 3, 2025
อยากรู้คะแนนสอบ TOEIC ดูผล สอบ toeic ems ทำตามขั้นตอนง่ายๆ

อยากรู้คะแนนสอบ TOEIC ดูผล สอบ toeic ems ทำตามขั้นตอนง่ายๆ

มิถุนายน 3, 2025
แบบฝึกหัด ภาษา อังกฤษ พื้นฐาน ฟรี เริ่มเรียนง่าย | ฝึกทุกวันให้เก่งเร็ว

แบบฝึกหัด ภาษา อังกฤษ พื้นฐาน ฟรี เริ่มเรียนง่าย | ฝึกทุกวันให้เก่งเร็ว

กรกฎาคม 22, 2025
10 เว็บไซต์ฝึกภาษาอังกฤษฟรีที่ดีที่สุดที่คุณไม่ควรพลาดในปีนี้

10 เว็บไซต์ฝึกภาษาอังกฤษฟรีที่ดีที่สุดที่คุณไม่ควรพลาดในปีนี้

กรกฎาคม 18, 2025

มหาวชิราวุธ การรับสมัคร หลักสูตร ค่าเทอมและคอร์สติวสอบเข้า

กันยายน 12, 2025
2 อยากสอบ TOEIC จองออนไลน์ที่ไหนดี มาดูวิธีจองง่ายๆ กัน

2 อยากสอบ TOEIC จองออนไลน์ที่ไหนดี มาดูวิธีจองง่ายๆ กัน

มิถุนายน 3, 2025
  • GMAT
  • GRE
  • IELTS
  • SAT
  • TOEFL
  • TOEIC
  • 51Talk Thailand
อีเมล์ (E-mail) [email protected]
No Result
View All Result
  • GMAT
  • GRE
  • IELTS
  • SAT
  • TOEFL
  • TOEIC