เรียนภาษาอังกฤษเพื่อเรียนต่อหรือทำงาน: จัดการสองเป้าหมายให้สำเร็จไปพร้อมกันได้อย่างไร?
สำหรับผู้ที่มีเป้าหมายทั้งด้านการศึกษาและอาชีพ ปัญหาคลาสสิกที่หลายคนพบคือการต้องพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษให้เก่งพอเพื่อใช้ทั้งในการศึกษาต่อระดับสูงในต่างประเทศ และ เพื่อให้พร้อมทำงานในสายอาชีพที่ต้องการความสามารถทางภาษา เป้าหมายทั้งสองนี้ดูเหมือนจะต้องใช้แนวทางการเรียนที่ต่างกัน แต่ในความเป็นจริง เป็นไปได้ที่จะเดินไปสู่เส้นชัยทั้งสองพร้อมกันอย่างมีประสิทธิภาพ
กุญแจสำคัญอยู่ที่การมองเห็นความเชื่อมโยงและจัดลำดับความสำคัญอย่างชาญฉลาด แทนที่จะแยกการเรียนสองแบบออกจากกันโดยสิ้นเชิง ผู้เรียนควรเริ่มจากการวิเคราะห์จุดร่วมและจุดเด่นที่ต้องการเสริมสร้างของทั้งสองวัตถุประสงค์

- รากฐานที่แข็งแกร่ง: ไวยากรณ์ที่ถูกต้อง (Grammar) คลังศัพท์ที่กว้างขวาง (Vocabulary) การออกเสียงที่ชัดเจน (Pronunciation) และความสามารถในการฟัง (Listening Comprehension) เป็นทักษะพื้นฐานที่จำเป็นและสำคัญเท่าเทียมกันทั้งสำหรับการเรียนและการทำงาน ไม่ว่าจะเป็นการเขียนเรียงความเชิงวิชาการ หรือการนำเสนองานในที่ประชุม ทักษะพื้นฐานเหล่านี้คืออาวุธชิ้นสำคัญ
- การเน้นย้ำเฉพาะทาง: เมื่อพื้นฐานแน่นแล้ว จึงค่อยโฟกัสเพิ่มเติมในส่วนเฉพาะทาง ในด้านวิชาการนั้น จำเป็นต้องฝึกฝนการอ่านบทความวิชาการที่ซับซ้อน การเขียนเชิงวิชาการที่ใช้ภาษาทางการสูง รวมถึงการอภิปรายเชิงลึก ขณะที่ทักษะการทำงานจะเน้นไปที่การสื่อสารในสถานการณ์จริง เช่น การเจรจาต่อรอง การเขียนอีเมลธุรกิจที่กระชับได้ใจความ การนำเสนอผลงานแบบมืออาชีพ และวัฒนธรรมองค์กรในการทำงาน
การบูรณาการกลยุทธ์การเรียนเพื่อบรรลุสองวัตถุประสงค์ นั้นทำได้ไม่ยาก ลองพิจารณากลยุทธ์เหล่านี้:
1. เลือกสื่อการเรียนที่มีความหลากหลาย: ควรเลือกตำราเรียนหรือหลักสูตรภาษาอังกฤษที่มีเนื้อหาครอบคลุมทั้งสถานการณ์ทางวิชาการและการทำงาน การดูวิดีโอบรรยาย TED Talks ไม่เพียงเสริมทักษะทางการฟังและการศัพท์ แต่นักเรียนยังสามารถวิเคราะห์เทคนิคการนำเสนอซึ่งเป็นทักษะจำเป็นในการทำงานได้ การอ่านข่าวสารธุรกิจหรือนิตยสารอุตสาหกรรมเป้าหมายช่วยเสริมความเข้าใจในภาษาธุรกิจและคำศัพท์เฉพาะทางที่เป็นประโยชน์ทั้งสองด้าน
2. ฝึกฝนผ่านกิจกรรมแบบบูรณาการ: การค้นคว้าและเขียนรายงานเชิงวิชาการในหัวข้อที่เกี่ยวข้องกับสายงานอาชีพที่ใฝ่ฝันนับเป็นการฝึกทักษะสองต่อในคราวเดียว ได้ฝึกการอ่านข้อมูลเชิงลึก การเขียนเชิงวิชาการ และยังได้เรียนรู้ความเคลื่อนไหวในอุตสาหกรรมนั้น ๆ ไปพร้อมกัน นอกจากนี้ การเข้าร่วมกลุ่มพูดคุยภาษาอังกฤษ (Discussion Clubs) โดยมีทั้งการอภิปรายหัวข้อทั่วไปและหัวข้อเฉพาะทางก็มีประโยชน์อย่างยิ่ง
3. เวลาคือของมีค่า: จัดสรรและจัดระเบียบ: การวางแผนเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง กำหนดช่วงเวลาที่ชัดเจนสำหรับการฝึกทักษะเฉพาะทางแต่ละแบบ อาจใช้การจัดทำตารางเรียนที่แบ่งเวลาสำหรับการอ่านบทความวิชาการในหนึ่งวัน และฝึกการจำลองการสัมภาษณ์งานหรือการเขียนอีเมลเชิงธุรกิจในอีกวันหนึ่ง
4. ใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีและทรัพยากรที่มี: ปัจจุบันมีแพลตฟอร์มมากมายที่ไม่เพียงช่วยฝึกทักษะทั่วไปเท่านั้น แต่ยังมีคอร์สหรือบทเรียนเฉพาะทาง เช่น การเตรียมสอบมาตรฐานภาษาอังกฤษในชีวิตมหาวิทยาลัยและการพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษในที่ทำงานให้เข้มแข็ง ควรเลือกทรัพยากรที่ตอบโจทย์ทั้งสองด้านหรือสามารถศึกษาควบคู่กันได้
การพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษไปพร้อมกันเพื่อเป้าหมายในการศึกษาต่อและการทำงานไม่ใช่ภารกิจที่เป็นไปไม่ได้ การทำความเข้าใจความต้องการของแต่ละด้าน ค้นหาจุดร่วมที่สำคัญในทักษะพื้นฐาน จากนั้นวางแผนฝึกฝนเป้าหมายเฉพาะอย่างเป็นระบบและใช้ประโยชน์จากทรัพยากรที่มีอยู่ จะช่วยให้ผู้เรียนสามารถเดินบนเส้นทางสองสายที่ดูแยกจากกันแต่กลับไปเสริมพลังซึ่งกันและกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ ความมุ่งมั่น ความสม่ำเสมอ และกลยุทธ์ที่ชาญฉลาดจะนำไปสู่ความสำเร็จในทั้งสองโลก โลกแห่งหอการค้าและโลกแห่งการศึกษา