เอาล่ะครับทุกคน วันนี้ขอมาเล่าประสบการณ์ตรงๆ กับการตะลุยคลังคำศัพท์ TOEIC ของผมเองเลย คือจะบอกว่ามันเป็นอะไรที่ปวดหัวสุดๆ ในช่วงแรกๆ เลยนะ
ตอนที่ผมตัดสินใจว่าจะไปสอบ TOEIC เนี่ย สิ่งแรกที่ผุดขึ้นมาในหัวเลยคือ “ศัพท์! ศัพท์มันเยอะมากเว้ย!” แล้วก็จริงตามนั้นเลยครับ พอไปเปิดดูลิสต์คำศัพท์ที่เขาว่ากันว่าออกบ่อยๆ นะ โอ้โห…ตาลาย ท้อไปเลยครึ่งนึง

ผมก็เริ่มจากวิธีเบๆ ที่ทุกคนทำกันนั่นแหละครับ คือ หาซื้อหนังสือรวมศัพท์ TOEIC มานั่งท่อง A B C D ท่องไปเรื่อยๆ วันละ 10 คำ 20 คำ ก็ว่ากันไป ตอนแรกๆ ก็ไฟแรงครับ ท่องได้จำได้ แต่พอผ่านไปสักอาทิตย์นึง เอ้า! คำเก่าๆ เริ่มลืม คำใหม่ก็ยังไม่เข้าหัว มันเหมือนกับว่าเราแค่จำตัวอักษรกับคำแปลแบบผิวเผิน ไม่ได้เข้าใจมันจริงๆ
ทีนี้ผมเลยเปลี่ยนแผนนิดหน่อย ผมเริ่มจากการทำ Flashcard ครับ กระดาษแข็งตัดเป็นชิ้นเล็กๆ ด้านหน้าเขียนศัพท์ภาษาอังกฤษ ด้านหลังเขียนคำแปลภาษาไทย แล้วก็พกติดตัวไปไหนมาไหนด้วย ว่างเมื่อไหร่ก็หยิบขึ้นมาดู อันนี้ก็ช่วยได้ระดับนึงนะ คือมันทำให้เราผ่านตาคำศัพท์บ่อยขึ้น แต่ปัญหาก็ยังคล้ายๆ เดิมคือบางทีจำได้แค่คำเดี่ยวๆ แต่พอมันไปอยู่ในประโยคยาวๆ เรากลับนึกไม่ออกว่ามันแปลว่าอะไรในบริบทนั้น
จนผมมาเจอวิธีที่ผมว่ามันเวิร์คกับตัวเองที่สุดละ คือ การเรียนศัพท์จากตัวอย่างประโยคและเนื้อเรื่อง ครับ ผมเริ่มไปหาพวกข้อสอบเก่าๆ หรือบทความสั้นๆ ที่เกี่ยวกับธุรกิจ การทำงานในออฟฟิศ การตลาด การประชุม อะไรทำนองนั้น เวลาเจอศัพท์ที่ไม่รู้ ผมจะไม่แค่เปิดดิกชันนารีหาคำแปลอย่างเดียว แต่ผมจะพยายามดูว่ามันใช้ยังไงในประโยคนั้นๆ มีคำไหนอยู่ข้างหน้าข้างหลังมันบ้าง แล้วก็ลองจดศัพท์พร้อมกับประโยคตัวอย่างสั้นๆ เก็บไว้
หมวดศัพท์ที่ผมเน้นเป็นพิเศษเลยนะ เพราะเจอบ่อยจริงๆ:
- ศัพท์เกี่ยวกับการทำงานในออฟฟิศ: พวก schedule, appointment, colleague, department, supervisor, deadline, report, presentation อะไรพวกนี้คือเจอประจำ
- ศัพท์เกี่ยวกับการเงิน การธนาคาร: account, budget, invoice, payment, refund, deposit, withdraw อันนี้ก็ออกบ่อย
- ศัพท์เกี่ยวกับการเดินทาง การโรงแรม: reservation, booking, flight, accommodation, passenger, check-in, departure, arrival
- ศัพท์เกี่ยวกับการตลาด การขาย: product, service, customer, client, marketing, advertising, discount, promotion
- ศัพท์ทั่วไปที่ใช้เชื่อมประโยค หรือบอกความสัมพันธ์: however, therefore, although, because, in addition, furthermore พวกนี้สำคัญมากในการอ่านจับใจความ
แล้วอีกอย่างที่ผมทำคือ พยายามจัดกลุ่มคำศัพท์ ที่มันมีความหมายคล้ายๆ กัน หรืออยู่ในหมวดหมู่เดียวกัน เช่น กลุ่มคำศัพท์ที่แปลว่า “เพิ่มขึ้น” (increase, rise, grow) หรือกลุ่มคำศัพท์ที่แปลว่า “ลดลง” (decrease, fall, decline) พอเราจำมันเป็นกลุ่มๆ เนี่ย มันจะช่วยให้เรานึกออกง่ายขึ้นเวลาเจอในข้อสอบ
ที่สำคัญสุดๆ เลยนะผมว่าคือ ความสม่ำเสมอ ครับ ไม่ต้องท่องวันละเป็นร้อยคำหรอก แต่ขอให้ทำทุกวัน วันละนิดวันละหน่อยก็ยังดี แล้วก็พยายามเอาศัพท์ที่เราเรียนไปลองใช้ดู อาจจะลองแต่งประโยคเองง่ายๆ หรือเวลาอ่านอะไรเจอศัพท์ที่เคยท่อง ก็พยายามนึกให้ออกว่ามันแปลว่าอะไร
สุดท้ายแล้วเนี่ย ผมว่ามันไม่มีวิธีไหนที่ดีที่สุดสำหรับทุกคนหรอกครับ เราต้องลองผิดลองถูกไปเรื่อยๆ จนเจอวิธีที่มัน “คลิก” กับเรามากที่สุด สำหรับผม การเรียนจากบริบท จากตัวอย่างประโยค และการทำซ้ำๆ อย่างสม่ำเสมอ มันช่วยให้ผมจำศัพท์ได้ดีขึ้นเยอะเลย จากที่เคยเห็นแล้วมึนตึ้บ ก็เริ่มจะคุ้นเคยกับมันมากขึ้น สู้ๆ ครับทุกคน!