หลายคนตั้งเป้าหมายอยากพูดภาษาอังกฤษได้ แต่ติดว่าต้องเรียนแกรมม่าซับซ้อนและใช้เวลานานเกินไป กับแนวคิดที่ว่า ‘ไม่จำเป็นต้องท่องจำกฎแกรมม่าให้เสียเวลา’ เริ่มเป็นที่พูดถึงในวงกว้าง โดยเฉพาะในกลุ่มผู้เริ่มต้นที่ต้องการพัฒนาทักษะการสื่อสารให้เร็วที่สุด
ทำไมไม่จำเป็นต้องเริ่มจากแกรมม่าก่อนพูดได้?
วิธีเดิมที่เน้นการท่องจำโครงสร้างประโยคและกฎไวยากรณ์ก่อน มักสร้างความท้อแท้และใช้เวลานานก่อนจะสื่อสารจริงได้ นักภาษาศาสตร์หลายท่านเสนอแนวทางที่แตกต่างออกไป นั่นคือการเลียนแบบกระบวนการเรียนภาษาตามธรรมชาติของเด็ก ซึ่งเริ่มจาก ‘ฟัง-พูด-ค่อยๆ ปรับแก้ให้ถูกต้อง’ มากกว่าจะเริ่มจากทฤษฎี
แนวทางปฏิบัตินี้มุ่งเน้นไปที่:
- การหยิบจับประโยคสำเร็จรูป (Chunks & Phrases): เรียนวลีหรือประโยคที่ใช้บ่อยในสถานการณ์จริง เช่น การทักทาย การสั่งอาหาร การถามทาง แทนการต่อคำทีละตัวโดยต้องคิดถึงหลักแกรมม่า
- การฟังและเลียนแบบ (Listen & Repeat): ฝึกฝนผ่านการฟังเสียงเจ้าของภาษาพูดในบทสนทนาในชีวิตประจำวัน แล้วพยายามออกเสียงตามทันที เพื่อพัฒนาทั้งการฟัง การออกเสียง และความมั่นใจ
- การเรียนรู้บริบท (Contextual Learning): เข้าใจว่าประโยคหรือคำนั้นๆ ใช้ในสถานการณ์ใด แทนที่จะต้องท่องความหมายของคำและกฎการใช้แบบแยกส่วน
- ความถูกต้องที่ค่อยเป็นค่อยไป: เปิดโอกาสให้ผู้เรียนสื่อสารออกมาก่อนโดยไม่ต้องกังวลเรื่องถูกผิด 100% แล้วค่อยๆ ปรับแก้ไขตามความเหมาะสมภายหลัง
วิธีปฏิบัติให้เห็นผลภายในระยะเวลาสั้น
การจะพัฒนาทักษะพูดให้ก้าวหน้าเร็วภายใน 1 เดือนนั้น จำเป็นต้องอาศัยความสม่ำเสมอและความเข้มข้นของผู้ฝึกฝน
- เรียนวันละน้อย แต่สม่ำเสมอทุกวัน: อุทิศเวลาประมาณ 30-60 นาทีต่อวันให้กับการฝึกฟังและพูด เป็นประจำทุกวัน จะได้ผลดีกว่าเรียนสัปดาห์ละครั้งเป็นเวลานาน
- เน้นความคุ้นชิน: หยิบเอาเพลงภาษาอังกฤษ หนัง หรือซีรีย์เรื่องโปรดมาฟังบ่อยๆ ช่วงแรกอาจฟังไม่รู้เรื่องก็ไม่เป็นไร เป็นการฝึกหูให้คุ้นกับเสียงและจังหวะของภาษา
- ฝึกพูดดังๆ: เริ่มต้นจากการอ่านออกเสียงตามสคริปต์ในหนังสือหรือแอปพลิเคชัน จากนั้นค่อยๆ เพิ่มการพูดตอบโต้ง่ายๆ ในสถานการณ์สมมติ แม้จะฝึกคนเดียวก็สามารถทำได้
- หาตัวช่วยที่เหมาะสม: การใช้สื่อการเรียนรู้ที่ออกแบบมาสำหรับการเรียนสนทนาโดยเฉพาะ ซึ่งมักมีทั้งรูปแบบการฝึกฟัง การบันทึกเสียงเปรียบเทียบ และแบบฝึกหัดการโต้ตอบ จะช่วยให้เห็นผลได้เป็นรูปธรรมมากขึ้น
สิ่งที่คาดหวังได้หลังจาก 1 เดือน
ผู้ที่ทุ่มเทฝึกฝนด้วยวิธีเน้นปฏิบัติและสื่อสารตามแนวทางนี้อย่างจริงจังทุกวัน มักพบพัฒนาการชัดเจนในด้านดังนี้
- ความกล้าที่จะพูดเพิ่มขึ้น: ความกลัวในการออกเสียงหรือใช้ไวยากรณ์ผิดค่อยๆ ลดลง กล้าเปิดปากพูดแม้ยังไม่สมบูรณ์แบบ
- เข้าใจบทสนทนาทั่วไปดีขึ้น: สามารถจับใจความสำคัญจากสิ่งที่ได้ยินในหัวข้อที่คุ้นเคย และเข้าใจวลีที่ใช้บ่อยได้ดี
- โต้ตอบในสถานการณ์พื้นฐานได้: สามารรถนำเสนอตัวเอง พูดคุยเกี่ยวกับเรื่องทั่วไปง่ายๆ เช่น งานอดิเรก อาหาร สภาพอากาศ หรือการซื้อของได้อย่างคล่องแคล่วขึ้น
- พัฒนาทักษะการฟัง: หูเริ่มคุ้นเคยกับเสียงภาษาและสามารถแยกแยะคำที่สำคัญในประโยคได้ดีขึ้น
แม้ว่าการจะพูดภาษาอังกฤษได้อย่างคล่องแคล่วนั้นต้องการเวลาและประสบการณ์ที่มากกว่า แต่การมุ่งเน้นที่ทักษะการสื่อสารเบื้องต้นในชีวิตประจำวัน ด้วยวิธีการที่ตรงจุด เน้นปฏิบัติซ้ำๆ และสม่ำเสมอ เป็นจุดเริ่มต้นที่ช่วยสร้างความเชื่อมั่นและเห็นผลลัพธ์ได้ในระยะเวลาอันสั้นกว่าวิธีการแบบเดิม การเริ่มต้นที่ถูกทางทำให้การเรียนภาษาไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป