โอเค มาถึงเรื่องที่หลายคนอาจจะสงสัยกันว่า toeic test คือ อะไร กันแน่ใช่มั้ยล่ะครับ วันนี้ผมจะมาเล่าจากประสบการณ์ตรงเลยนะ ที่เคยไปลองผิดลองถูกมากับเจ้าข้อสอบตัวนี้
เริ่มจากความไม่รู้ สู่การลงสนามจริง
คือเรื่องมันเริ่มจากตอนนั้นผมทำงานอยู่ที่บริษัทเก่า แล้วรู้สึกว่าเออ อยากจะอัพสกิลตัวเอง หรือมองหาลู่ทางใหม่ๆ บ้างอะนะ เพื่อนร่วมงานคนนึงมันก็พูดขึ้นมาว่า “ลองไปสอบโทอิคดูดิ หลายที่เค้าใช้ยื่นนะ” ตอนนั้นผมแบบ ห๊ะ โทอิค? คือไรวะ? เคยได้ยินแต่ชื่อผ่านๆ ไม่เคยรู้รายละเอียดเลยจริงๆ

ด้วยความอยากรู้ ผมก็เลยเริ่มจากการไปเสิร์ชหาข้อมูลก่อนเลยครับ พิมพ์ไปตรงๆ เลย “toeic test คืออะไร” โอ้โห ข้อมูลขึ้นมาเพียบ! สรุปสั้นๆ ที่ผมจับใจความได้ตอนนั้นก็คือ
- มันคือข้อสอบวัดระดับภาษาอังกฤษของเรานี่แหละ
- เน้นภาษาอังกฤษที่ใช้ในการทำงาน การสื่อสารทั่วไปในชีวิตประจำวัน ไม่ได้วิชาการจ๋าขนาดนั้น
- ส่วนใหญ่ที่คนฮิตๆ สอบกันจะเป็นแบบ Listening and Reading Test คือเน้นฟังกับอ่าน
- คะแนนมันจะออกมาเป็นตัวเลข เต็ม 990 คะแนน
การเตรียมตัว (แบบลูกทุ่งๆ)
พอรู้คร่าวๆ แล้วว่ามันคืออะไรใช่มั้ยครับ คราวนี้ก็ถึงขั้นตอนเตรียมตัวสอบละ ตอนนั้นผมก็ไม่ได้มีงบไปลงคอร์สแพงๆ อะไรหรอก อาศัยแบบลูกทุ่งๆ เลย
ขั้นแรก ผมไปร้านหนังสือเลยครับ ไปเดินๆ ดูโซนหนังสือเตรียมสอบ TOEIC โอ้โห เยอะมาก เลือกไม่ถูก ผมก็หยิบๆ มาสองสามเล่มที่ดูหน้าปกแล้วเออ น่าจะอ่านเข้าใจง่ายหน่อย มีทั้งแบบสรุปเนื้อหา แล้วก็แบบตะลุยโจทย์
ขั้นต่อมา หลังจากได้หนังสือมาแล้ว ผมก็เริ่มอ่านเลยครับ อ่านแบบผ่านๆ ตาก่อนรอบนึง ให้พอรู้ว่าข้อสอบมันมีกี่พาร์ท แต่ละพาร์ทหน้าตาเป็นยังไง มีคำถามแนวไหนบ้าง ที่จำได้แม่นๆ ก็คือ:
- พาร์ทฟัง (Listening Comprehension): อันนี้จะมีทั้งฟังรูปภาพ, ฟังคำถามแล้วเลือกคำตอบ, ฟังบทสนทนาสั้นๆ, แล้วก็ฟังบทพูดคนเดียวหรือประกาศยาวๆ โห ตอนแรกๆ นี่ฟังไม่ทันเลยครับ งงไปหมด สำเนียงก็ไม่คุ้น
- พาร์ทอ่าน (Reading Comprehension): อันนี้ก็จะมีเติมคำในประโยคให้สมบูรณ์, หาจุดผิดในประโยค (อันนี้เหมือนจะไม่มีแล้วนะถ้าจำไม่ผิด หรือปรับไปอยู่ในส่วนอื่นแล้ว), แล้วก็อ่านบทความสั้นๆ บทความยาวๆ แล้วตอบคำถาม ศัพท์นี่มาเต็มครับ บางคำก็ไม่เคยเห็นเลย
ขั้นที่สาม ลงมือทำโจทย์จริงจัง! อันนี้สำคัญมาก ผมเริ่มจากทำโจทย์ท้ายบทในหนังสือที่ซื้อมาก่อน แล้วก็ไปหาโหลดข้อสอบเก่าๆ ที่เค้าแชร์ๆ กันในเน็ตมาลองทำดู แรกๆ นี่คะแนนออกมาท้อใจมากครับ ฮ่าๆๆ ได้ไม่ถึงครึ่งก็มี แต่ก็พยายามทำไปเรื่อยๆ จับเวลาเหมือนสอบจริงเลยนะ
ผมจะจดศัพท์ที่ไม่รู้เอาไว้ แล้วก็พยายามดูว่าทำไมข้อนี้ถึงตอบอันนี้ ทำไมเราถึงผิด พอทำไปเยอะๆ มันเริ่มจับทางได้ครับ เริ่มรู้ว่าเค้าชอบหลอกตรงไหน เริ่มคุ้นกับสำเนียงมากขึ้น ความเร็วในการอ่านก็ดีขึ้น
วันสอบจริงและผลลัพธ์
วันไปสอบจริงนี่ตื่นเต้นนะ มือเย็นเฉียบ ไปถึงศูนย์สอบก็ทำตามขั้นตอนเค้าไป เข้าห้องสอบ บรรยากาศมันก็จะเงียบๆ หน่อย กดดันเบาๆ พอเริ่มทำข้อสอบก็ตั้งสติเลยครับ ทำให้เต็มที่ที่สุด ตอนทำพาร์ทฟังนี่ต้องมีสมาธิมากๆ ส่วนพาร์ทอ่านนี่แข่งกับเวลาสุดๆ
พอสอบเสร็จออกมานี่โล่งเลย เหมือนยกภูเขาออกจากอก ที่เหลือก็รอผลสอบอย่างเดียว ตอนนั้นผมก็ไม่ได้คาดหวังอะไรมาก แค่คิดว่าทำเต็มที่แล้ว
พอผลออก… ก็ถือว่าโอเคนะครับ ไม่ได้เทพมาก แต่ก็อยู่ในเกณฑ์ที่น่าพอใจสำหรับคนเตรียมตัวด้วยตัวเองแบบผม มันทำให้ผมรู้ว่าเออ เราก็ทำได้นี่หว่า จากที่ไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับ TOEIC จนมีคะแนนเป็นของตัวเอง

สรุปแล้ว TOEIC คืออะไรในมุมมองของผม
สำหรับผมนะ toeic test มันก็เหมือนเป็นใบเบิกทางอย่างหนึ่งครับ เป็นเครื่องมือที่ช่วยพิสูจน์ระดับความสามารถทางภาษาอังกฤษของเราในเบื้องต้นให้องค์กรหรือบริษัทต่างๆ เค้าเห็นภาพได้ง่ายขึ้น หลายที่เค้าก็ใช้เป็นเกณฑ์ในการรับเข้าทำงาน ปรับตำแหน่ง หรือบางทีก็ให้ค่าภาษาเพิ่มด้วย
แต่มันก็ไม่ใช่ทุกสิ่งทุกอย่างนะครับ คะแนนเป็นแค่ส่วนหนึ่ง สุดท้ายแล้วความสามารถในการนำภาษาอังกฤษไปใช้สื่อสารได้จริงๆ ในการทำงาน การแก้ปัญหาเฉพาะหน้า อันนั้นสำคัญกว่า แต่ถ้ามีคะแนน TOEIC ติดตัวไว้ มันก็ช่วยเพิ่มโอกาสให้เราได้เยอะเลยล่ะครับ ไม่เสียหายแน่นอน
หวังว่าประสบการณ์ของผมจะเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆ ที่กำลังสนใจ หรือกำลังเตรียมตัวสอบ TOEIC อยู่นะครับ สู้ๆ ครับผม!