ประสบการณ์ตรง TOEIC กับ IELTS แบบลูกทุ่งๆ
สวัสดีครับพี่น้อง! วันนี้อยากมาแชร์ประสบการณ์ส่วนตัวล้วนๆ เลยนะ เกี่ยวกับไอ้เจ้าสองตัวนี้แหละ TOEIC กับ IELTS เนี่ย เห็นคนถามกันเยอะเหลือเกินว่าจะสอบอันไหนดี อันไหนยากกว่า อันไหนคุ้มกว่า วันนี้จะมาเล่าจากที่เคยไปคลุกคลีตีโมงมากับตัวเองเลย
ตอนแรกเลยนะ ผมก็เหมือนคนส่วนใหญ่แหละ คิดว่า TOEIC มันน่าจะง่ายกว่ามั้ง เอาไว้สมัครงานทั่วๆ ไปก็น่าจะพอ ว่าแล้วก็ไปเลยครับ ไปหาหนังสือมาอ่านเองก่อนเลย ก็เน้นพวกคำศัพท์ที่ใช้ในออฟฟิศ การประชุม การเดินทาง อะไรทำนองนั้น แล้วก็ลองทำข้อสอบเก่าๆ ดู เวลาก็ไปลงทะเบียนสอบเลย จำได้ว่าตอนนั้นตื่นเต้นเหมือนกันนะ แต่ก็พยายามทำใจให้สบาย

พอเข้าไปในห้องสอบ TOEIC นะ โอ้โห บรรยากาศมันจะแบบนิ่งๆ หน่อย ทุกคนตั้งใจมาก ส่วนใหญ่ก็จะเป็นคนวัยทำงานนี่แหละ ข้อสอบมันก็จะมีพาร์ทฟังกับพาร์ทอ่านใช่ไหม พาร์ทฟังนี่ต้องมีสมาธิดีๆ เลย เพราะมันพูดเร็วเหมือนกันนะ บางทีเผลอแป๊บเดียว อ้าว! ไปข้อไหนแล้ววะ ส่วนพาร์ทอ่านก็จะเป็นพวกแกรมม่า เติมคำในช่องว่าง อ่านบทความสั้นๆ ยาวๆ ปนกันไป ตอนทำเสร็จออกมานี่โล่งอกเลย รู้สึกว่าก็น่าจะพอไปวัดไปวาได้แหละ
ผลออกมาก็ได้คะแนนมาระดับนึง ก็เอาไปใช้สมัครงานได้จริงๆ นะ หลายๆ บริษัทเขาก็ดู TOEIC เป็นหลักแหละ โดยเฉพาะงานเอกชนในไทยทั่วๆ ไป มันก็เหมือนเป็นใบเบิกทางอย่างนึงเลย
แต่เรื่องมันไม่ง่ายอย่างนั้นสิ พอทำงานไปสักพัก ดันมีโปรเจกต์นึงที่ต้องไปดูงานต่างประเทศ หรือบางทีก็อยากจะลองไปเรียนต่อโทอะไรแบบนี้ ทีนี้แหละ TOEIC ที่มีอยู่มันใช้ไม่ได้เลยนะสิครับ เขาต้องการ IELTS โน่นเลย โอ้โห ตอนนั้นคือแบบ หน้ามืดเลย IELTS นี่มันคนละเรื่องกับ TOEIC เลยนะ
คราวนี้เลยต้องตั้งหลักใหม่เลยครับ ไปศึกษาเลยว่า IELTS มันสอบอะไรบ้าง ปรากฏว่ามันมีครบเลย ฟัง พูด อ่าน เขียน! ตายล่ะหว่า ไอ้เราก็ไม่ค่อยได้พูดได้เขียนเป็นภาษาอังกฤษแบบจริงจังซะด้วยสิ
- การเตรียมตัว IELTS: อันนี้บอกเลยว่าหนักกว่า TOEIC เยอะมาก ผมต้องไปลงคอร์สเรียนเพิ่มเลยนะ เพราะพาร์ทเขียนกับพาร์ทพูดนี่มันต้องมีคนมาช่วยดู ช่วยคอมเมนต์ให้จริงๆ
- พาร์ทฟัง: ของ IELTS นี่มันจะมีความหลากหลายกว่า มีสำเนียงแปลกๆ มาบ้าง บทสนทนาก็ยาวขึ้น ต้องจับประเด็นให้ได้
- พาร์ทอ่าน: บทความจะยาวและเป็นวิชาการมากขึ้น คำศัพท์ก็ยากขึ้น ต้องอ่านเร็วแล้วก็เข้าใจด้วย
- พาร์ทเขียน: อันนี้ปราบเซียนเลย มีเขียนอธิบายกราฟ กับเขียนเรียงความแสดงความคิดเห็น ต้องฝึกเยอะมากเรื่องโครงสร้างประโยค คำศัพท์ การให้เหตุผล
- พาร์ทพูด: อันนี้ก็ตื่นเต้นสุดๆ เพราะต้องพูดกับคนจริงๆ มีทั้งถามเรื่องทั่วไป เรื่องเฉพาะทาง แล้วก็ให้พูดคนเดียวเป็นเรื่องเป็นราว
ตอนไปสอบ IELTS นี่คนละฟีลกับ TOEIC เลยนะ มันรู้สึกว่าต้องใช้พลังงานเยอะกว่ามาก แล้วก็เครียดกว่าด้วย เพราะมันวัดทุกทักษะจริงๆ ตอนสอบพูดนี่จำได้ว่ามือเย็นเฉียบเลย แต่ก็พยายามพูดออกไปให้ดีที่สุด
พอผล IELTS ออกมา ก็โล่งไปอีกเปราะ ถึงแม้คะแนนอาจจะไม่ได้สวยหรูเหมือนพวกเทพๆ เขา แต่ก็พอเอาไปยื่นเรียนต่อหรือทำเรื่องไปต่างประเทศได้ตามที่ตั้งใจไว้
สรุปจากประสบการณ์ตรงๆ เลยนะ
ถ้าให้ผมสรุปแบบลูกทุ่งๆ จากที่ลองมาเองเลยนะ:
TOEIC:
- เหมาะกับใคร: คนที่อยากได้คะแนนไปสมัครงานในไทย บริษัทเอกชนส่วนใหญ่ หรือคนที่อยากวัดระดับภาษาอังกฤษเบื้องต้นในการทำงาน
- เนื้อหา: เน้นภาษาอังกฤษที่ใช้ในชีวิตประจำวัน การทำงาน การติดต่อธุรกิจทั่วไป
- ความยาก: ถ้าเทียบกับ IELTS ผมว่า TOEIC เตรียมตัวง่ายกว่า โฟกัสแค่ฟังกับอ่าน
- ข้อดี: ค่าสอบอาจจะถูกกว่า (แล้วแต่ศูนย์นะ) รู้ผลเร็วกว่า
IELTS:

- เหมาะกับใคร: คนที่อยากไปเรียนต่อต่างประเทศ (โดยเฉพาะอังกฤษ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์) ย้ายถิ่นฐาน หรือทำงานในบริษัทที่ต้องการทักษะภาษาอังกฤษระดับสูงแบบครบวงจร
- เนื้อหา: มีความหลากหลาย มีทั้งเรื่องทั่วไปและเรื่องเชิงวิชาการ (Academic Module) หรือเรื่องทั่วไปสำหรับการย้ายถิ่น (General Training Module)
- ความยาก: ยากกว่า TOEIC แน่นอน เพราะสอบครบ 4 ทักษะ ฟัง พูด อ่าน เขียน และแต่ละพาร์ทก็โหดเอาเรื่อง
- ข้อดี: เป็นที่ยอมรับในระดับสากลมากกว่า โดยเฉพาะในเรื่องการศึกษาต่อหรือย้ายถิ่นฐาน
สุดท้ายแล้วจะเลือกสอบอันไหน มันอยู่ที่ว่าเราจะเอาไปทำอะไรมากกว่าครับ ถ้าแค่สมัครงานในไทยทั่วไป TOEIC ก็อาจจะเพียงพอแล้ว แต่ถ้ามีแผนจะไปไกลกว่านั้น อยากโกอินเตอร์ เรียนต่อ หรือทำงานในองค์กรที่เน้นภาษามากๆ IELTS ก็เป็นตัวเลือกที่น่าจะต้องมองครับ
หวังว่าประสบการณ์ของผมจะเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ที่กำลังตัดสินใจอยู่นะครับ สู้ๆ ครับ ไม่มีอะไรยากเกินความพยายามของเราหรอก! ลองดูครับ!