หลายครอบครัวตระหนักดีว่าภาษาอังกฤษมีความสำคัญในการศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนต้น แต่ค่าใช้จ่ายในการเรียนพิเศษหรือคอร์สสอนภาษาอาจเป็นภาระ ด้วยเหตุนี้ การค้นหาสุดยอด วิธี เรียน ภาษา อังกฤษ มัธยม ต้น ด้วยตัวเองที่บ้านไม่เสียเงิน จึงเป็นทางเลือกที่น่าสนใจและเป็นไปได้อย่างมาก
พื้นฐานสำคัญเริ่มที่การวางแผนและความสม่ำเสมอ
หัวใจสำคัญของการเรียนภาษาใดๆ ด้วยตนเอง คือ วินัยและการมีเป้าหมายที่ชัดเจน นักเรียนควรจัดสรรเวลาเรียนอย่างน้อย 30 นาทีถึง 1 ชั่วโมงต่อวันอย่างต่อเนื่อง การกำหนดเป้าหมายเล็กๆ เช่น เรียนรู้คำศัพท์ใหม่วันละ 10 คำ หรือเข้าใจกฎไวยากรณ์หนึ่งเรื่องในหนึ่งสัปดาห์ จะช่วยรักษาแรงจูงใจและทำให้เห็นพัฒนาการได้ชัดเจน การมีสมุดบันทึกหรือแฟ้มสะสมงานเป็นเครื่องมือช่วยติดตามความก้าวหน้าได้ดี
ใช้ประโยชน์จากทรัพยากรฟรีที่มีอยู่มากมาย
ปัจจุบันอินเทอร์เน็ตเต็มไปด้วยทรัพยากรการเรียนรู้ภาษาอังกฤษคุณภาพสูงที่เข้าถึงได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย:
- เว็บไซต์เพื่อการศึกษา: มีเว็บไซต์หลายแห่งที่ออกแบบมาสำหรับผู้เรียนต่างภาษาโดยเฉพาะ โดยมีแบบฝึกหัดตั้งแต่ระดับพื้นฐานไปจนถึงระดับสูง แบ่งเป็นหมวดหมู่ทักษะต่างๆ ชัดเจน เช่น การอ่าน การฟัง ไวยากรณ์ และคำศัพท์ แบบฝึกหัดมักมีเฉลยและคำอธิบายให้ด้วย
- แอปพลิเคชันบนมือถือ: แอปหลายตัวเสนอเนื้อหาการเรียนรู้ผ่านเกม แบบทดสอบสั้นๆ และบัตรคำศัพท์ (Flashcards) ทำให้การเรียนสนุกสนานและทำได้ทุกที่
- ยูทูป (YouTube): เป็นคลังความรู้ขนาดใหญ่ มีช่องสอนออกเสียงโดยครูเจ้าของภาษา บทเรียนไวยากรณ์แบบเข้าใจง่าย เนื้อเรื่องแบบการ์ตูนสั้นสำหรับฝึกฟัง และเคล็ดลับการทำข้อสอบ ช่วยพัฒนาทักษะการฟังและพูดได้ดี
- หนังสือเรียนออนไลน์และ eBooks ฟรี: สถาบันการศึกษาและองค์กรหลายแห่งเผยแพร่เอกสาร แบบฝึกหัด และหนังสือเรียนดิจิทัลฟรีบนเว็บไซต์ของตน
- เพลง ภาพยนตร์ และการ์ตูน: การเลือกเนื้อหาที่ตัวเองชื่นชอบ เริ่มจากการดูซับไทยก่อน จากนั้นค่อยเปลี่ยนเป็นซับอังกฤษ และสุดท้ายดูโดยไม่มีซับไตเติล ช่วยให้การเรียนรู้เป็นธรรมชาติและรู้สึกผ่อนคลาย
ทักษะที่จำเป็นและวิธีฝึกฝน
- คำศัพท์ (Vocabulary): เน้นการเรียนรู้คำศัพท์ที่ใช้บ่อยในชีวิตประจำวันและการศึกษา ควรเรียนเป็นกลุ่มคำหรือใช้ในประโยค (Context) มากกว่าจำคำเดี่ยว การทำบัตรคำศัพท์บนกระดาษหรือแอปพลิเคชัน และทบทวนอย่างเป็นระบบเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพ
- การอ่าน (Reading): เริ่มจากบทความสั้น เรื่องราวง่ายๆ ข่าวสารที่สนใจ หรือแม้แต่ป้ายประกาศและคำอธิบายภาพในเว็บไซต์ เมื่อเจอคำศัพท์ใหม่ พยายามเดาความหมายจากบริเวณรอบๆ ก่อนเปิดดิกชันนารี
- การฟัง (Listening): ฝึกฟังจากสื่อที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นเสียงประกาศ บทสนทนาในคลิปสอนภาษา เพลง หรือพอดแคสต์สั้นๆ เริ่มจากเนื้อหาที่ความเร็วมาตรฐาน หากฟังครั้งแรกไม่เข้าใจ ให้ฟังซ้ำโดยดูบทพูด (Transcript) ประกอบ จากนั้นลองฟังใหม่โดยไม่ดู
- ไวยากรณ์ (Grammar): ทำความเข้าใจกฎไวยากรณ์พื้นฐานที่จำเป็นสำหรับการสื่อสารและการทำข้อสอบ ควรศึกษาจากแหล่งที่น่าเชื่อถือและฝึกทำแบบฝึกหัดอย่างสม่ำเสมอเพื่อทดสอบความเข้าใจ แทนการท่องจำกฎทั้งหมด
- การพูด (Speaking): แม้ฝึกคนเดียวที่บ้านก็สามารถฝึกพูดได้ ด้วยการออกเสียงตามเจ้าของภาษาในคลิปเสียงหรือวิดีโอ บันทึกเสียงตัวเองพูดแล้วเปรียบเทียบ การเล่าเรื่องสั้นๆ เป็นภาษาอังกฤษในใจหรือออกเสียง หรือแม้แต่ฝึกสนทนากับตัวเองในกระจก
- การเขียน (Writing): เริ่มต้นด้วยการเขียนประโยคง่ายๆ เขียนไดอารีสั้นๆ บันทึกสรุปเรื่องที่อ่านหรือฟังมา เขียนคำบรรยายรูปภาพ หรือเขียนบทสนทนาจากจินตนาการ
สร้างบรรยากาศการเรียนรู้และค้นหาการสนับสนุน
การจัดมุมสงบในบ้านให้เป็นพื้นที่เรียนภาษาอังกฤษอย่างเป็นกิจจะลักษณะมีส่วนช่วยให้มีสมาธิ แม้เรียนคนเดียว แต่ก็ไม่จำเป็นต้องเดินคนเดียวเสมอไป นักเรียนสามารถรวมกลุ่มกับเพื่อนๆ ที่มีเป้าหมายคล้ายกันผ่านโลกออนไลน์ (ต้องเลือกกลุ่มที่ปลอดภัย) เพื่อแลกเปลี่ยนแหล่งข้อมูล แชร์ความก้าวหน้า หรือให้กำลังใจกันและกัน การขอคำแนะนำสั้นๆ จากครูที่โรงเรียนในประเด็นที่ไม่เข้าใจลึกซึ้งก็เป็นทางเลือกที่ดี
ที่สำคัญที่สุด คือ ความเชื่อมั่นว่าภาษาอังกฤษไม่ใช่เรื่องยากเกินความสามารถ ความพยายามและความสม่ำเสมอคือหัวใจความสำเร็จ การเรียนรู้ด้วยตนเองไม่เพียงช่วยพัฒนาทักษะภาษาเท่านั้น แต่ยังปลูกฝังวินัย ทักษะการจัดการตนเอง และความรับผิดชอบ ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อการเรียนในระดับสูงขึ้นไปและชีวิตโดยรวม การเริ่มต้นวันนี้ถือเป็นก้าวแรกที่สำคัญบนเส้นทางการเป็นผู้ใช้งานภาษาอังกฤษได้อย่างมั่นใจ