ไอ้เรื่องสมัครงานแล้วเค้าเรียกคะแนน TOEIC 550 อัพเนี่ยนะ บอกเลยว่าเจอมากับตัวเต็มๆ สมัยก่อนตอนเราเริ่มมองหางานใหม่ๆ น่ะ เปิดเว็บไหนๆ ก็เจอแต่ด่านนี้แหละ บางทีคุณสมบัติอื่นผ่านหมดนะ แต่พอไม่มีคะแนนโทอิคนี่จบเลย เหมือนเป็นใบเบิกทางยังไงยังงั้น
จุดเริ่มต้นของการดิ้นรน
ตอนนั้นภาษาอังกฤษเราก็งูๆ ปลาๆ มาก เรียนมาตั้งแต่ประถมยันมหาลัย แต่เอาเข้าจริงคือแทบไม่ได้ใช้ในชีวิตประจำวันเลย พอมาเจอว่างานดีๆ ส่วนใหญ่เค้าอยากได้คนมีคะแนนตรงนี้ ไอ้เราก็คิดหนักเลย จะทำยังไงดีวะ? ตอนแรกก็ท้อนะ คิดว่าคงไม่ไหวหรอกมั้ง แต่พอเห็นเพื่อนๆ หรือคนรู้จักเค้าไปสอบกันได้ เราก็แบบ…เออ ลองดูซักตั้งวะ! อย่างน้อยก็รู้ว่าพยายามแล้ว
ตัดสินใจได้แล้วก็เริ่มเลยครับ หาข้อมูลใหญ่เลยว่าต้องเตรียมตัวยังไง ตอนนั้นไม่ได้มีเงินไปลงคอร์สแพงๆ หรอก อาศัยอ่านรีวิวตามเน็ตนี่แหละ โหลดชีทฟรีบ้าง ซื้อหนังสือมือสองมาอ่านบ้าง เน้นทำโจทย์เก่าๆ วนไป
ช่วงเวลาแห่งการฝึกฝน (และความทรมาน)
บอกตรงๆ ว่าช่วงเตรียมตัวนี่โคตรเหนื่อยเลย เราทำงานประจำไปด้วย กว่าจะเลิกงาน กลับถึงบ้านก็มืดแล้ว ต้องมานั่งอ่านหนังสือต่ออีก พาร์ทอ่านน่ะพอถูไถไปได้ แต่พาร์ทฟังนี่สิ โอ้โหหห… สำเนียงก็หลากหลาย พูดก็เร็ว จับใจความแทบไม่ทัน แรกๆ นี่ฟังไปเครียดไป ไม่รู้เรื่องเลยจริงๆ
- ปัญหาหลักๆ ที่เจอ:
- ศัพท์ไม่พอ: เจอศัพท์ที่ไม่รู้เยอะมาก ต้องเปิดดิกกันวุ่นวาย
- แกรมม่าไม่แน่น: บางทีอ่านเข้าใจเป็นคำๆ แต่พอรวมประโยคแล้วงง
- สมาธิสั้น: โดยเฉพาะตอนทำข้อสอบพาร์ทฟัง หลุดแล้วหลุดเลย ตามไม่ทัน
เราใช้วิธีค่อยๆ เก็บศัพท์ไปวันละนิดวันหน่อย พยายามฟังเพลงสากล ดูหนังซาวด์แทร็กแบบไม่เปิดซับไทย (แรกๆ ก็ทรมาน หลังๆ เริ่มชิน) แล้วก็จับเวลาทำข้อสอบจริงจังเลย มันช่วยให้เราคุ้นเคยกับความกดดันในห้องสอบได้เยอะ
วันตัดสินชะตาและผลลัพธ์
จำได้เลยว่าวันไปสอบนี่ตื่นเต้นมาก กลัวทำไม่ทัน กลัวฟังไม่ออก สารพัดจะกลัว พอเข้าห้องสอบก็พยายามตั้งสติ ทำไปทีละข้อๆ ไม่ต้องรีบร้อน พาร์ทไหนมั่นใจก็รีบทำ พาร์ทไหนไม่ชัวร์ก็ข้ามไปก่อนแล้วค่อยกลับมาดู เวลาผ่านไปเร็วมาก แป๊บๆ หมดเวลา พอสอบเสร็จนี่โล่งสุดๆ ไม่ว่าผลจะเป็นยังไง อย่างน้อยเราก็ได้ลองแล้ว
รอผลสอบประมาณอาทิตย์นึงมั้ง ตอนเช็คผลนี่มือสั่นเลย พอเห็นคะแนนเกิน 550 มานิดหน่อยเท่านั้นแหละ กระโดดตัวลอยเลย! มันไม่ใช่แค่ดีใจที่สอบผ่านนะ แต่มันคือความรู้สึกที่ว่าเราเอาชนะตัวเองได้ จากคนที่ไม่มั่นใจภาษาอังกฤษเลย กลายมาเป็นคนมีคะแนนโทอิคติดตัว มันภูมิใจเล็กๆ นะ
แล้วมันช่วยให้หางานง่ายขึ้นจริงไหม?
พอมีคะแนนแล้ว ก็เริ่มยื่นใบสมัครตามบริษัทที่เคยเล็งไว้เลย ถามว่ามันง่ายขึ้นมั้ย? ก็ต้องบอกว่า “ง่ายขึ้นในระดับนึง” คือมันทำให้โปรไฟล์เราผ่านเกณฑ์เบื้องต้นที่ HR เค้ามองหา ทำให้มีโอกาสถูกเรียกสัมภาษณ์มากขึ้น แต่สุดท้ายแล้ว ตอนสัมภาษณ์จริง เค้าก็ดูอย่างอื่นประกอบด้วยนะ ไม่ใช่แค่คะแนนโทอิคอย่างเดียว
บางที่นะ คะแนนโทอิค 550 อัพก็จริง แต่พอไปทำงานจริงๆ ใช้ภาษาอังกฤษน้อยมากก็มี หรือบางที่ไม่ได้ระบุคะแนน แต่พอสัมภาษณ์ดันมีทดสอบภาษาอังกฤษจริงจังก็เคยเจอ มันก็แล้วแต่ที่จริงๆ
แต่โดยรวมแล้ว การมีคะแนนโทอิค 550 ขึ้นไป มันเหมือนเรามีอาวุธติดตัวเพิ่มขึ้นอีกชิ้นนึงแหละ อย่างน้อยก็ไม่โดนปัดตกตั้งแต่ยังไม่ได้โชว์ความสามารถอื่น ส่วนจะใช้ได้ผลแค่ไหน ก็อยู่ที่ว่าเราจะเอามันไปต่อยอดได้ยังไงมากกว่า ไอ้เรื่องคะแนนมันก็แค่ส่วนหนึ่ง แต่การพัฒนาตัวเองอยู่เรื่อยๆ นี่สิสำคัญกว่าเยอะ ว่ามั้ยล่ะ?