สวัสดีครับทุกคน วันนี้ก็มาเจอกันอีกแล้วตามเคย วันนี้ผมจะมาแชร์ประสบการณ์ที่เคยผ่านหูผ่านตา หรือเรียกว่าเคยคิดจะลองทำดูนั่นแหละครับ กับเรื่องของการ “ปลอม ใบ toeic” เนี่ยแหละครับ อย่าเพิ่งตกใจไปนะครับ ผมไม่ได้จะมาสอนวิธีทำอะไรแบบนั้น แค่จะมาเล่าให้ฟังว่าเคยผ่านอะไรมาบ้างในช่วงที่ความคิดแบบนี้มันแวบเข้ามาในหัว
เรื่องมันเริ่มจากตรงไหน?
ย้อนกลับไปสมัยที่ผมยังละอ่อน เพิ่งเรียนจบใหม่ๆ ไฟแรงเฟร่อ อยากจะหางานดีๆ ทำกับเขาสักหน่อย แต่ปัญหาหลักเลยคือ หลายบริษัทที่ดูน่าสนใจเนี่ยสิ ดันเรียกหาใบรับรองคะแนน TOEIC กันให้วุ่น ไอ้เราก็ภาษาอังกฤษแบบกระท่อนกระแท่น สอบทีไรก็ได้คะแนนแบบ…เอ่อ…อย่าไปพูดถึงมันเลยดีกว่า ฮ่าๆๆๆ คือมันไม่ถึงเกณฑ์ที่เขาตั้งไว้สักที
ตอนนั้นมันก็ท้อนะ สอบแล้วสอบอีกก็ยังไม่ผ่าน จนมีช่วงนึงที่แบบ…เออ…ความคิดชั่วร้ายมันก็ผุดขึ้นมาในหัว ว่าถ้าเรามีใบคะแนนสวยๆ สักใบไปยื่น มันจะง่ายกว่าไหมนะ? นั่นแหละครับ จุดเริ่มต้นที่ทำให้ผมเริ่มไปศึกษา (แค่ศึกษานะครับ ย้ำ!) เรื่องการทำใบ TOEIC ปลอม
ขั้นตอนที่ผมไปเจอมา (แบบไม่ได้ทำเองนะเฟ้ย!)
พอเริ่มมีความคิดแบบนั้น ผมก็ลองไปเสิร์ชๆ ดูตามอินเทอร์เน็ตนี่แหละครับ แหล่งข้อมูลมันเยอะแยะไปหมด ก็ไปเจอว่ามันมีหลายวิธีเลยนะที่เขาทำกัน
- วิธีแรกที่เจอเยอะสุด: ก็คือการใช้โปรแกรมแต่งรูป พวก Photoshop อะไรทำนองนั้นแหละครับ เขาจะเอาใบจริงของใครสักคนมา แล้วก็แก้ชื่อ แก้คะแนน ให้เป็นของเรา อันนี้ต้องอาศัยความเนียนพอสมควรเลยนะ ถ้าฝีมือไม่ถึงนี่ดูออกง่ายมาก
- วิธีที่สอง: อันนี้ดูจะลงทุนหน่อย คือไปจ้างทำเลยครับ มีคนรับทำเป็นล่ำเป็นสัน แต่ราคาก็เอาเรื่องอยู่เหมือนกันนะ เขาจะคุยโวว่าเนียนกริ๊บ จับไม่ได้แน่นอน ซึ่งผมก็ไม่รู้หรอกว่าจริงไหม
- วิธีที่สาม: บางคนก็บอกว่าให้ไปหาซื้อใบเปล่าๆ มาเลย แล้วมาพิมพ์ข้อมูลเอง อันนี้ก็ฟังดูยากไปอีกแบบ เพราะกระดาษมันก็มีลักษณะเฉพาะของมันอยู่
ผมก็ศึกษาไปเรื่อยๆ ดูตัวอย่างที่เขาทำกัน บางอันก็ดูเหมือนจริงนะ แต่บางอันนี่คือ…ปลอมตะโกนมาก! คือเห็นแล้วรู้เลยว่าไม่ใช่ของจริงแน่นอน
แล้วสุดท้ายผมทำไหม?
คำตอบคือ ไม่ครับ!
หลังจากที่ใช้เวลาศึกษาข้อมูลอยู่พักใหญ่ สติมันก็เริ่มกลับมาครับ ผมมานั่งคิดดูดีๆ ว่าถ้าเราทำไปแล้วโดนจับได้ล่ะ? มันจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง
- เสียอนาคต: อันนี้เรื่องใหญ่สุดเลย ถ้าบริษัทจับได้ว่าเราใช้เอกสารปลอม ไม่ใช่แค่ตกงานนะครับ แต่อาจจะโดนดำเนินคดีด้วย ชื่อเสียงเราก็ป่นปี้ หางานที่อื่นก็ยากไปอีก
- ไม่ภูมิใจในตัวเอง: ถึงแม้จะไม่มีใครจับได้ แต่ลึกๆ ในใจเรามันก็รู้ตัวอยู่ดี ว่าสิ่งที่เราได้มามันไม่ใช่ความสามารถของเราจริงๆ มันคงรู้สึกไม่ดีเท่าไหร่หรอก
- ความเสี่ยงสูง: สมัยนี้เทคโนโลยีมันไปไกลแล้วครับ การตรวจสอบเอกสารมันทำได้ไม่ยากเลย บริษัทใหญ่ๆ เขามีวิธีการเช็คของเขาอยู่แล้ว โอกาสโดนจับได้มันสูงมาก
พอคิดถึงผลที่จะตามมาแล้ว ผมก็เลยตัดสินใจว่า…เออ…ไม่เอาดีกว่าว่ะ ถึงมันจะต้องเหนื่อยอ่านหนังสือ ต้องไปสอบใหม่หลายรอบ แต่มันก็เป็นวิธีที่ถูกต้องและยั่งยืนกว่าเยอะ
บทสรุปจากประสบการณ์ (เกือบจะ) พลั้งพลาด
สุดท้ายผมก็กลับไปตั้งใจอ่านหนังสือ สอบใหม่ จนได้คะแนนที่พอใจในระดับหนึ่ง ถึงแม้จะไม่สูงเวอร์วังอลังการ แต่ก็เป็นคะแนนที่มาจากความพยายามของเราเองจริงๆ มันภูมิใจกว่ากันเยอะเลยครับ
ที่ผมมาเล่าให้ฟังวันนี้ ไม่ได้จะสนับสนุนให้ใครไปทำเรื่องไม่ดีนะครับ แต่อยากจะแชร์ประสบการณ์ว่าครั้งหนึ่งผมก็เคยมีความคิดแบบนั้นแวบเข้ามาเหมือนกัน แต่สุดท้ายแล้วการทำตามขั้นตอนที่ถูกต้องมันดีที่สุดเสมอครับ ทางลัดที่ดูเหมือนจะง่าย บางทีมันอาจจะพาเราไปสู่ปัญหาที่ใหญ่กว่าเดิมก็ได้นะ
วันนี้ก็ขอจบการแชร์ประสบการณ์ไว้เท่านี้ก่อนนะครับ หวังว่าเรื่องของผมจะเป็นข้อคิดให้ใครหลายๆ คนได้บ้างไม่มากก็น้อย แล้วเจอกันใหม่ครับ!
