เอ้ออออ พูดถึงเรื่องโทอิคเนี่ยนะ มีอยู่พักนึงฉันเองก็หัวหมุนตึ้บเลยว่าจะเอาไงดีกับไอ้ใบคะแนนที่มีในมือ
เรื่องของเรื่องคือตอนนั้นกำลังจะลองยื่นสมัครงานที่ใหม่ไง แล้วในคุณสมบัติเขาก็ระบุมาเลยว่าอยากได้คนมีคะแนนโทอิค ไอ้เราก็มีอยู่ใบนึง สอบไว้ตั้งนานนมแล้ว ตอนแรกก็คิดว่าเออ สบายล่ะ มีพร้อม แต่พอจะหยิบมาดูวันที่เท่านั้นแหละ เอ๊ะ…มันนานไปป่าววะ?

ตอนนั้นก็เลยเริ่มร้อนใจล่ะสิครับ ต้องรีบหาข้อมูลใหญ่เลยว่าจริงๆ แล้ว ไอ้คะแนนโทอิคเนี่ยมันมีอายุกี่ปีกันแน่ บางคนก็บอกว่าตลอดชีพ บางคนก็บอกสองปี บางคนก็บอกห้าปี โอ๊ยยยย สับสนอลหม่านไปหมด! ฉันก็ลองไปถามเพื่อนฝูงที่เคยสอบมาเหมือนกันนะ คำตอบที่ได้ก็ยังหลากหลายอยู่ดี ทำเอาฉันมึนตึ้บไปเลย
สุดท้ายก็เลยต้องไปนั่งค้นในเว็บของศูนย์สอบโดยตรงเลย ถึงได้บางอ้อว่า อ๋ออออ ที่ถูกต้องจริงๆ แล้ว ผลสอบ TOEIC มีอายุ 2 ปี นับจากวันที่เราไปนั่งสอบนะ ไม่ใช่วันที่เขาประกาศผลออกมา ไอ้เราก็นึกว่ามันจะนานกว่านั้น แป๊บๆ เองเนอะ สองปีเนี่ย
พอรู้เท่านั้นแหละ รีบกลับไปดูใบคะแนนตัวเองอีกที ชัดเลย! หมดอายุไปแล้วจ้าาาาา โอ้โห ตอนนั้นอยากจะเขกหัวตัวเองจริงๆ ที่ไม่ได้เช็กให้ดีแต่แรก เสียเวลาดีใจไปตั้งนาน สรุปก็คือต้องแจ้นไปลงทะเบียนสอบใหม่สถานเดียวเลย
ทีนี้พอต้องเตรียมตัวสอบใหม่ มันก็ไม่ใช่เรื่องสนุกเลยนะ ต้องไปรื้อฟื้นตำรามาอ่าน ต้องหาเวลาไปสอบอีก แล้วก็ต้องเสียเงินค่าสอบอีกรอบด้วยไง ตอนนั้นก็แอบเซ็งๆ นะว่าทำไมมันต้องมีวันหมดอายุด้วยวะเนี่ย แต่ก็พอเข้าใจได้แหละว่าความรู้เรื่องภาษามันก็ต้องมีการอัปเดตกันอยู่เรื่อยๆ ถ้าเราไม่ได้ใช้มันนานๆ มันก็คงจะลืมๆ กันไปบ้างเป็นธรรมดา
จากประสบการณ์ตรงครั้งนั้น ฉันก็เลยอยากจะมาบอกต่อเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ทุกคนเลยว่าใครที่มีแผนจะใช้คะแนนโทอิคเนี่ย อย่าลืมเช็กวันหมดอายุบนใบคะแนนของตัวเองให้ดีๆ นะครับ จะได้ไม่ต้องมานั่งหัวหมุนแล้วก็เสียเวลา เสียเงินสอบใหม่เหมือนฉันอีก
ทุกวันนี้ ถ้าจะสอบอะไรพวกนี้ ฉันจะจดไว้ตัวโตๆ เลยว่าหมดอายุเมื่อไหร่ จะได้วางแผนใช้มันให้คุ้มก่อนจะกลายเป็นกระดาษเปล่าไปเสียก่อน ฮ่าๆๆ ก็ถือว่าเป็นบทเรียนราคาแพง (ค่าสอบ) สำหรับตัวเองไปละกัน!