สวัสดีครับทุกคน! วันนี้อยากจะมาแชร์ประสบการณ์ตรงของผมกับข้อสอบวัดระดับภาษาอังกฤษยอดฮิตสองตัว นั่นก็คือ IELTS กับ TOEIC นะครับ คือต้องบอกก่อนว่าผมเองก็เคยผ่านช่วงที่งงๆ สับสนๆ ว่าจะสอบตัวไหนดี ตัวไหนมันต่างกันยังไง เหมาะกับอะไร วันนี้เลยอยากมาเล่าจากประสบการณ์ที่เคยคลุกคลีมาทั้งสองสนามสอบเลยครับ
จุดเริ่มต้นของความสงสัย: IELTS มันคืออะไร TOEIC มันคืออะไร?
ย้อนกลับไปตอนแรกๆ เลยนะ ผมเองก็เหมือนหลายๆ คนที่ได้ยินชื่อสองอันนี้บ่อยมาก แต่ไม่เคยรู้ลึกจริงๆ ว่ามันต่างกันยังไง รู้แค่ว่ามันคือสอบภาษาอังกฤษแหละ ตอนนั้นมีเป้าหมายในชีวิตบางอย่างที่ต้องใช้คะแนนภาษาอังกฤษ ก็เลยเริ่มศึกษาจริงจัง

ผมเริ่มจากการไปเสิร์ชข้อมูลก่อนเลยครับ ก็พอจะจับใจความได้ว่า:
- TOEIC (Test of English for International Communication): ส่วนใหญ่จะเน้นไปที่การใช้ภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวันและการทำงานทั่วไป แบบพวกธุรกิจ การโรงแรม การบิน อะไรทำนองนั้น ข้อสอบหลักๆ ก็จะเป็นฟังกับอ่าน
- IELTS (International English Language Testing System): อันนี้จะดูครอบคลุมกว่า มีทั้งฟัง พูด อ่าน เขียน เหมาะสำหรับคนที่ต้องการไปเรียนต่อต่างประเทศ หรือย้ายถิ่นฐานไปประเทศที่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นหลัก มันจะมีแบบ Academic กับ General Training ด้วยนะ
ตอนนั้นก็อ๋อออออ มันต่างกันตรงนี้นี่เอง
ประสบการณ์ตรงกับการเตรียมตัวและลงสนามสอบ TOEIC
ด้วยความที่ตอนนั้นผมมีแพลนจะสมัครงานบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง ซึ่งเค้าระบุว่าอยากได้คะแนน TOEIC ผมก็เลยตัดสินใจลุยกับ TOEIC ก่อนเลยครับ
การเตรียมตัวของผมสำหรับ TOEIC:
ผมเริ่มจากการไปซื้อหนังสือเตรียมสอบ TOEIC มาสองสามเล่มครับ เน้นที่มีข้อสอบเก่าๆ เยอะๆ หน่อย แล้วก็เริ่มจับเวลาทำเลย เอาจริงๆ นะ ช่วงแรกๆ นี่คะแนนไม่ค่อยดีเท่าไหร่ โดยเฉพาะพาร์ทฟัง คือมันเร็วแล้วบางทีสำเนียงมันหลากหลายมาก แต่ผมก็ใช้วิธีฝึกฟังบ่อยๆ ดูหนังฝรั่งแบบเปิดซับอังกฤษบ้าง ฟังพอดแคสต์บ้าง แล้วก็ฝึกทำข้อสอบซ้ำๆ จับจุดแกรมม่าที่ออกบ่อยๆ คำศัพท์ที่เจอบ่อยๆ ในพวกอีเมล ประกาศ หรือบทสนทนาในที่ทำงาน
วันสอบจริง TOEIC:
จำได้ว่าตื่นเต้นนิดหน่อย แต่พอเข้าไปในห้องสอบ บรรยากาศมันก็ไม่ได้กดดันมากเท่าที่คิด ข้อสอบส่วนใหญ่ก็เป็น Multiple Choice ทำไปเรื่อยๆ พาร์ทฟังก็ต้องมีสมาธินิดนึง ส่วนพาร์ทอ่านนี่คือแข่งกับเวลาเลยครับ ต้องอ่านเร็วจับใจความให้ได้ ผมว่าโดยรวมแล้ว TOEIC ไม่ได้ยากจนเกินไปถ้าเราเตรียมตัวมาดีพอสมควร เน้นความไวและความคุ้นเคยกับรูปแบบข้อสอบ
เปลี่ยนสนามมาลุย IELTS: ความท้าทายที่แตกต่าง
หลังจากได้คะแนน TOEIC มาแล้ว ผ่านไปสักพักใหญ่ๆ ผมก็มีเป้าหมายใหม่คืออยากจะลองไปเรียนต่อคอร์สสั้นๆ ที่ต่างประเทศดูบ้าง คราวนี้แหละครับ ต้องเจอกับ IELTS เต็มๆ
การเตรียมตัวสำหรับ IELTS Academic:

โอ้โห บอกเลยว่า IELTS นี่คนละเรื่องกับ TOEIC เลยครับ มันหนักกว่าเยอะ! ความยากมันคือมันมีครบทุกทักษะ ฟัง พูด อ่าน เขียน
- Listening: อันนี้ก็คล้ายๆ TOEIC แต่บางทีบทสนทนาหรือเลคเชอร์มันจะยาวกว่า แล้วก็มีหลายสำเนียงเหมือนกัน ต้องตั้งใจฟังดีๆ จดโน้ตย่อๆ ไปด้วย
- Reading: บทความยาวมากกกก แล้วศัพท์ก็วิชาการสุดๆ ต้องอ่านจับใจความหลัก ใจความรอง หาข้อมูลเฉพาะให้เจอภายในเวลาที่จำกัด คือไม่ง่ายเลยครับ
- Writing: อันนี้เป็นอะไรที่ผมกังวลมาก มันมีสองส่วน ส่วนแรกคือการอธิบายกราฟ ตาราง แผนภาพ ส่วนที่สองคือการเขียนเรียงความแสดงความคิดเห็นในหัวข้อที่เค้าให้มา ต้องมีโครงสร้างการเขียนที่ดี ใช้ศัพท์ที่หลากหลาย แกรมม่าต้องเป๊ะพอสมควร ผมลงคอร์สเรียนเสริมเฉพาะพาร์ทนี้เลยนะ แล้วก็ฝึกเขียนทุกวัน ให้เพื่อนช่วยตรวจบ้าง
- Speaking: อันนี้ก็ตื่นเต้นสุดๆ คือการสอบพูดตัวต่อตัวกับ Examiner เค้าจะถามคำถามทั่วไปเกี่ยวกับตัวเรา แล้วก็จะมีหัวข้อให้เราพูดประมาณ 1-2 นาที แล้วก็ตอบคำถามเพิ่มเติมอีกนิดหน่อย ตอนฝึกนี่ผมพยายามพูดหน้ากระจก อัดเสียงตัวเองฟัง หาเพื่อนคุยเป็นภาษาอังกฤษบ่อยๆ
วันสอบจริง IELTS:
สอบ IELTS นี่ผมสอบแยกวันกันครับ สอบเขียน อ่าน ฟัง วันนึง แล้วก็นัดสอบพูดอีกวันนึง บรรยากาศค่อนข้างตึงเครียดกว่า TOEIC มาก โดยเฉพาะตอนสอบพูดนี่คือเกร็งเลย แต่ก็พยายามทำตัวสบายๆ เป็นธรรมชาติที่สุด Examiner เค้าก็พยายามชวนคุยให้เราผ่อนคลายนะ ส่วนพาร์ทเขียนนี่คือเขียนจนปวดมือเลยครับ เวลาผ่านไปเร็วมาก
บทสรุปจากประสบการณ์จริงของผม
ถ้าให้ผมสรุปจากที่เคยลุยมาทั้งสองสนามนะครับ TOEIC กับ IELTS มันมีเป้าหมายการใช้งานที่แตกต่างกันชัดเจน
ถ้าคุณต้องการใช้คะแนนภาษาอังกฤษเพื่อสมัครงานในองค์กรส่วนใหญ่ในไทย หรือในสายงานที่เน้นการสื่อสารทั่วไปในชีวิตประจำวันและการทำงาน TOEIC ก็อาจจะเพียงพอและเตรียมตัวได้ง่ายกว่า ไม่ซับซ้อนเท่า
แต่ถ้าเป้าหมายของคุณคือการไปเรียนต่อต่างประเทศ (โดยเฉพาะในระดับปริญญา) หรือต้องการย้ายถิ่นฐาน หรือทำงานในองค์กรที่ต้องการทักษะภาษาอังกฤษขั้นสูงรอบด้าน IELTS คือคำตอบครับ แม้ว่าจะยากกว่า เตรียมตัวหนักกว่า แต่ผลลัพธ์ที่ได้มันก็คุ้มค่า
สุดท้ายนี้ ผมว่าไม่มีข้อสอบไหนดีกว่าข้อสอบไหนนะครับ มันขึ้นอยู่กับว่าเราจะเอาคะแนนไปทำอะไรมากกว่า เลือกให้ถูกกับเป้าหมายของเรา แล้วก็ตั้งใจเตรียมตัวให้เต็มที่ ผมเชื่อว่าทุกคนทำได้แน่นอนครับ! หวังว่าเรื่องราวของผมจะเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆ ที่กำลังตัดสินใจอยู่นะครับ สู้ๆ ครับ!