โอ๊ยยย พูดถึงแกรมมาร์โทอิคทีไรนะ ปวดเศียรเวียนเกล้าทุกที! ใครเป็นเหมือนกันบ้างยกมือขึ้นหน่อยซิ คือแบบ…มันจะอะไรเยอะแยะนักหนา ไอ้กฎเกณฑ์หยุมหยิมเต็มไปหมด ตอนแรกๆ ที่คิดจะไปสอบโทอิคเนี่ย บอกตามตรงเลยว่ามองข้ามเรื่องแกรมมาร์ไปเยอะเลย คิดว่าเออ…ก็คงเหมือนที่เรียนๆ มาตอนมัธยมแหละน่า ไม่น่าจะยากเย็นอะไรขนาดนั้น
ที่ไหนได้! พอไปซื้อหนังสือมาลองทำข้อสอบดูเท่านั้นแหละ โอ้โห…ลมแทบจับ ผิดกระจายจ้าาา ไอ้ที่คิดว่าง่ายๆ นะ กลายเป็นตัวดึงคะแนนชั้นดีเลย โดยเฉพาะพาร์ท 5 พาร์ท 6 เนี่ย แกรมมาร์ล้วนๆ ไม่มีคำศัพท์มาช่วยชีวิตเลยซักนิด ตอนนั้นท้อมาก คิดในใจว่าหรือเราจะไม่ได้เกิดมาเพื่อสิ่งนี้วะ
แล้วทำไมจู่ๆ ถึงมาฮึดสู้เรื่องแกรมมาร์โทอิคได้?
เรื่องของเรื่องก็คือ…มีช่วงนึงชีวิตมันเคว้งๆ ไง งานที่ทำอยู่มันก็เรื่อยๆ เปื่อยๆ ไม่ได้มีอะไรท้าทาย รู้สึกเหมือนย่ำอยู่กับที่ แล้วดันไปเห็นเพื่อนรุ่นเดียวกันบางคนมันได้งานใหม่ เงินเดือนดีขึ้น โปรไฟล์อย่างเริ่ด พอลองไปสืบๆ ดู ปรากฏว่าหลายคนเลยนะ มันมีคะแนนโทอิคติดตัวกันทั้งนั้น บางบริษัทนี่ระบุมาชัดเจนเลยว่าอยากได้คนที่มีทักษะภาษาอังกฤษดี มีผลโทอิคมายืนยันยิ่งดี
ตอนนั้นแหละ ความคิดมันก็เริ่มเปลี่ยน จากที่เคยเฉยๆ กับภาษาอังกฤษ ก็เริ่มรู้สึกว่า เห้ย ไม่ได้การละ เราจะปล่อยให้ตัวเองเป็นแบบนี้ต่อไปไม่ได้แล้วว่ะ อย่างน้อยๆ มีคะแนนโทอิคสวยๆ ติดตัวไว้หน่อยก็ยังดี เผื่อมีโอกาสดีๆ เข้ามา จะได้คว้าไว้ได้ทันไง
พอตั้งเป้าได้แล้วว่ายังไงก็ต้องเอาคะแนนโทอิคมาให้ได้ ทีนี้ก็เลยต้องกลับมาจริงจังกับไอ้เจ้าแกรมมาร์ตัวปัญหานี่แหละ
ปฏิบัติการปราบเซียนแกรมมาร์โทอิคฉบับบ้านๆ
บอกเลยว่าช่วงแรกๆ ก็ลองผิดลองถูกไปเยอะ ซื้อหนังสือมาไม่รู้กี่เล่ม ดูคลิปสอนในยูทูบอีกเพียบ แต่ยิ่งดูก็ยิ่งงง บางทฤษฎีก็ขัดกันเอง บางอันก็อธิบายซะละเอียดจนจับต้นชนปลายไม่ถูก สุดท้ายเลยตัดสินใจว่า…สรุปเองแม่งเลยดีกว่า!
วิธีของผมก็คือ:
- ไปขุดข้อสอบเก่าๆ มาดู: อันนี้สำคัญมาก เพราะมันทำให้เห็นว่าแกรมมาร์เรื่องไหนที่โทอิคชอบเอามาออกบ่อยๆ เน้นเรื่องไหนเป็นพิเศษ
- จดเฉพาะหัวใจสำคัญ: ไม่อ่านแบบละเอียดทุกตัวอักษรแล้ว เพราะมันจำไม่ไหวจริงๆ เอาแค่คอนเซ็ปต์หลักๆ ของแต่ละเรื่องพอ เช่น Tenses ต่างๆ ใช้เมื่อไหร่, Subject-Verb Agreement ดูยังไง, หรือพวกคำเชื่อม (Conjunctions) แต่ละตัวมันเชื่อมอะไรกับอะไร
- ทำ Short Note ของตัวเอง: ใช้สีสันเข้าช่วย ปากกาไฮไลท์ต้องมา จดแบบภาษาที่เราเข้าใจเอง ไม่ต้องสวยหรู เน้นใช้งานได้จริง บางทีก็วาดเป็นแผนภาพง่ายๆ ให้เห็นความเชื่อมโยง
- เน้นเรื่องที่ตัวเองพลาดบ่อยๆ: พอทำข้อสอบแล้วผิดตรงไหน ก็จะกลับไปทวนเรื่องนั้นซ้ำๆ แล้วก็จดโน้ตเพิ่มเติมว่าทำไมถึงผิด จะได้ไม่พลาดซ้ำอีก
ช่วงที่นั่งสรุปเนี่ย โต๊ะรกมากครับ กระดาษเต็มไปหมด ทั้งโพสต์อิท ทั้งสมุดโน้ต แต่พอเริ่มจับทางได้ มันก็เริ่มสนุกขึ้นนะ เริ่มเห็นแพทเทิร์นบางอย่างของข้อสอบ เริ่มเข้าใจว่า อ๋อ…ที่มันออกเรื่องนี้บ่อยๆ เพราะมันวัดความเข้าใจตรงนี้นี่เอง
แล้วก็ได้ไปศึกษามาด้วยว่าไอ้คะแนนโทอิคเนี่ย ระดับไหนถึงจะเรียกว่าโอเค เห็นเขาว่ากันว่าถ้าได้แถวๆ 700 ขึ้นไป ก็ถือว่าใช้ได้แล้วนะ แต่ถ้าจะให้ดูดี มีภาษีหน่อย หลายๆ ที่ก็มองหาคนที่ได้ 800 อัพ เลยทีเดียว ส่วนใครที่ได้แตะๆ 900 หรือมากกว่านั้น อันนี้คือระดับเทพแล้วล่ะครับ เรียกว่าเป็น Professional English Proficiency Level เลยก็ว่าได้ บางบริษัทใหญ่ๆ หรือตำแหน่งเฉพาะทางหน่อยก็อาจจะต้องการคะแนนสูงๆ แบบนี้แหละ
แกรมมาร์หลักๆ ที่สรุปแล้วว่าต้องเป๊ะ!
จากที่นั่งหลังขดหลังแข็งสรุปมาเนี่ย ก็พอจะจับทางได้ว่าแกรมมาร์หลักๆ ที่โทอิคเน้นๆ เลยก็จะมีประมาณนี้ครับ:
- Tenses: อันนี้คือพื้นฐานเลย ต้องแม่นว่าแต่ละ Tense ใช้กับเหตุการณ์แบบไหน สัญญาณบอกเวลา (Time expressions) ของแต่ละ Tense คืออะไร
- Subject-Verb Agreement: ประธานกับกริยาต้องสอดคล้องกัน ประธานเอกพจน์ กริยาต้องเติม s/es อะไรพวกนี้ ดูเหมือนง่ายแต่พลาดกันเยอะ
- Parts of Speech: ต้องรู้ว่าคำไหนเป็น Noun, Verb, Adjective, Adverb แล้วแต่ละตัวมันทำหน้าที่อะไรในประโยค ตำแหน่งมันควรจะอยู่ตรงไหน อันนี้ช่วยในการเลือกคำตอบที่ถูกแกรมมาร์ได้เยอะ
- Conjunctions & Prepositions: คำเชื่อมกับคำบุพบทนี่ก็ตัวป่วนเลย ต้องรู้ว่าแต่ละตัวใช้ยังไง ความหมายคืออะไร เชื่อมอะไรได้บ้าง
- Passive Voice: ประโยคที่ประธานเป็นผู้ถูกกระทำ อันนี้ก็ออกบ่อย ต้องดูโครงสร้างให้ออก
- Comparisons: การเปรียบเทียบขั้นกว่า ขั้นสุด รูปแบบประโยคเป็นยังไง
- Clauses: พวก Noun Clause, Adjective Clause, Adverb Clause ทั้งหลายแหล่ ดูซับซ้อนหน่อย แต่ถ้าเข้าใจโครงสร้างมันก็จะง่ายขึ้น
นี่เป็นแค่ส่วนหนึ่งที่ผมลิสต์ออกมาได้นะครับ จริงๆ มันก็มีรายละเอียดปลีกย่อยอีกพอสมควร แต่ถ้าจับหลักใหญ่ๆ พวกนี้ได้ ก็น่าจะช่วยให้ทำข้อสอบพาร์ทแกรมมาร์ได้มั่นใจขึ้นเยอะเลย
สุดท้ายแล้ว การสรุปแกรมมาร์โทอิคด้วยตัวเองเนี่ย มันอาจจะไม่ได้ทำให้เราเก่งแกรมมาร์ขึ้นมาในทันทีทันใดหรอกนะครับ แต่มันทำให้เราเข้าใจ “ภาพรวม” มากขึ้น รู้ว่าควรอ่านเน้นตรงไหน และที่สำคัญคือมันทำให้เราไม่กลัวแกรมมาร์อีกต่อไป พอเราเริ่มเข้าใจมัน จากที่เคยเป็นยาขม มันก็อาจจะกลายเป็นเรื่องท้าทายที่เราอยากจะเอาชนะมันให้ได้ก็ได้นะ ใครจะไปรู้! สู้ๆ ครับทุกคน!