อยู่ดีๆ ก็มาจับพลัดจับผลูสอนโทอิคซะงั้นครับ ตอนแรกก็ไม่ได้คิดอะไรมาก เพื่อนมันชวนๆ บอกว่าเออ ลองดูดิ๊ รายได้เสริม แต่ใครจะไปคิดว่ามันจะพาเราไปเจออะไรเยอะแยะขนาดนี้
ตอนนั้นก็ว่างๆ งานประจำมันก็เรื่อยๆ เปื่อยๆ อะนะ ก็เลยเออออห่อหมกไปกับเพื่อน ไม่ได้เตรียมตัวอะไรเป็นพิเศษ คิดว่าภาษาอังกฤษเราก็พอได้แหละน่าจะชิลๆ

พอได้เริ่มสอนจริง โอ้โห…คนละเรื่อง
ไอ้ที่คิดว่าหมูๆ นี่คือคิดผิดถนัดเลยครับ เด็กที่มาเรียนนี่คือแบบ…หลากหลายมาก บางคนพื้นฐานแทบไม่มี แต่อยากได้คะแนนสูงๆ ไปยื่นทำงาน บางคนก็โดนบริษัทบังคับมาเรียน หน้าตานี่บอกบุญไม่รับเลยก็มี
แล้วข้อสอบโทอิคเองนะ มันไม่ใช่แค่เก่งอังกฤษแล้วจะทำได้ มันมีลูกล่อลูกชน มีทริค มีเวลาที่โคตรจะจำกัด สอนไปแรกๆ นี่ปวดหัวตึ้บเลย จะอธิบายยังไงให้เด็กมันเก็ทวะ?
สารพัดนักเรียน สารพันปัญหา
กลุ่มแรกเลย พวกความหวังของหมู่บ้าน ตั้งใจเรียนมาก ถามจุกจิก แต่บางทีก็กดดันตัวเองเกินไป พวกนี้สอนสนุกหน่อย แต่ก็ต้องคอยเบรกๆ ครับ
อีกพวกคือ พวกมาตามหน้าที่ บริษัทส่งมา ก็จะนั่งเอ๋อๆ หน่อย ต้องคอยกระตุ้น คอยหาอะไรตลกๆ มาเล่าให้ฟัง ไม่งั้นหลับ บอกเลยว่าเหนื่อยกว่าสอนอีกกลุ่มเยอะ
แล้วก็มีพวกที่แบบ…อยากได้ทางลัดลูกเดียว ถามอยู่นั่นแหละ “มีสูตรมั้ยคะครู” “ตรงไหนออกเยอะ” โอ๊ย…อยากจะบอกว่าถ้ามันง่ายขนาดนั้น ทุกคนก็ได้ 990 เต็มกันหมดแล้วน้อง!
- ปัญหาคลาสสิกเลยนะ: ฟังไม่ทัน สำเนียงบริติช ออสซี่ มานี่งงเป็นไก่ตาแตก
- แกรมมาร์นี่ไม่ต้องพูดถึง หลายคนคือคืนครูไปหมดแล้วตั้งแต่ ม.ปลาย
- ศัพท์อีก โอ๊ย…ศัพท์ธุรกิจ ศัพท์ทางการ ใครมันจะไปรู้หมด
- แล้วก็เรื่องเวลา ทำไม่เคยจะทันกันสักคน
สอนไปบ่นไป…จนเจอแนวทางตัวเอง
แรกๆ ก็สอนตามตำราเป๊ะๆ นะ แต่หลังๆ ชักไม่เวิร์ค เด็กมันเบื่อ ก็เลยต้องปรับ พยายามหาเทคนิคที่มัน “เรียล” หน่อย คือใช้ได้จริงในสนามสอบ
เน้นเลยคือ การบริหารเวลา สำคัญกว่าการรู้ทุกอย่างอีกมั้ง แล้วก็พยายามสอนให้จับแพทเทิร์นข้อสอบ ไม่ใช่ท่องจำอย่างเดียว อย่างพาร์ทอ่านงี้ ถ้าอ่านเป็น อ่านจับใจความได้ มันจะเร็วขึ้นเยอะ
ส่วนพาร์ทฟัง ก็ต้องฝึก ฝึก แล้วก็ฝึก เปิดให้ฟังซ้ำๆ ชี้ให้เห็นว่าตรงไหนคือคีย์เวิร์ด ตรงไหนคือตัวหลอก บางทีก็ต้องทำเสียงตลกๆ เลียนแบบสำเนียงให้เด็กมันจำได้ เออ…ก็บ้าๆ บอๆ ไป
เคยเจอเคสนึง…แบบว่าท้อเลย
มีน้องคนนึง มาเรียนแบบงงๆ พ่อแม่ส่งมา พื้นฐานคือศูนย์จริงๆ สอนอะไรไปก็ไม่เข้าหัวเลย ถามคำตอบคำ ทำแบบฝึกหัดก็ผิดหมด คือไม่ได้แกล้งนะ แต่เหมือนน้องเขาไม่คลิกจริงๆ
สอนไปได้ครึ่งคอร์ส คะแนนไม่กระเตื้องเลย เราก็เครียดนะ พยายามปรับวิธีแล้วปรับอีก จนแบบ…เออ ไม่รู้จะทำไงแล้วว่ะ ถามน้องตรงๆ ว่าไหวมั้ย อยากเรียนต่อรึเปล่า น้องมันก็เงียบ…สุดท้ายก็ดร็อปไปเงียบๆ
ตอนนั้นเฟลมาก รู้สึกว่าตัวเองสอนไม่เก่งเลย แต่พอมาคิดดูอีกที เออ…มันก็ไม่ใช่ความผิดเราทั้งหมดมั้ง บางทีคนเรามันก็ไม่ได้เหมาะกับทุกอย่างจริงๆ ครับ
สรุปแล้ว…สอนโทอิคได้อะไร?
ได้รู้ว่า การสอบโทอิคแม่งคือเกม เกมที่ต้องรู้กติกา รู้ทางหนีทีไล่ ไม่ใช่แค่ท่องศัพท์อย่างเดียว
ได้เห็นว่าคนไทยเรายังมีปัญหากับภาษาอังกฤษเยอะจริงๆ ไม่ใช่ว่าไม่เก่งนะ แต่เหมือนขาดความมั่นใจ ขาดโอกาสในการใช้จริง
แล้วก็ได้รู้ว่า ไม่มีทางลัดสำหรับการเรียนภาษา ไอ้ที่โฆษณาว่าเก่งใน 7 วัน 30 วันอะไรนั่น…ส่วนใหญ่ก็โม้ทั้งเพ ต้องใช้เวลา ความสม่ำเสมอ และความพยายามล้วนๆ
แต่ที่สำคัญสุดนะ คือได้เห็นคนที่เราสอนเขาทำคะแนนได้ตามเป้า แล้วเอาไปใช้ต่อยอดชีวิตเขาได้ อันนี้แหละ โคตรภูมิใจเลย ถึงจะเหนื่อย จะบ่นบ้างก็เถอะ
ใครที่กำลังจะสอบ หรือกำลังสอนอยู่ ก็สู้ๆ ครับ มันไม่ได้ยากเกินไปหรอก แค่ต้องหาแนวทางของตัวเองให้เจอเท่านั้นเอง!