การเรียนภาษาอังกฤษอาจดูน่าเบื่อสำหรับบางคน โดยเฉพาะเมื่อต้องท่องจำกฎไวยากรณ์หรือคำศัพท์จากหนังสือเรียนแบบเดิมๆ ทว่าปัจจุบัน มีวิธีพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษที่สนุกสนานและได้ผล นั่นคือการผสมผสานเข้ากับความบันเทิงที่เราชื่นชอบอย่างภาพยนตร์และเพลง
ทำไมสื่อบันเทิงจึงช่วยพัฒนาภาษาอังกฤษได้?
การฝึกภาษาอังกฤษผ่านหนังและเพลงมีข้อได้เปรียบหลายประการที่การเรียนแบบดั้งเดิมอาจให้ได้ยาก ประการแรก มันสร้างบริบทที่ชัดเจนให้กับภาษา การได้ยินคำศัพท์หรือวลีต่างๆ ถูกใช้ในสถานการณ์จริงของหนังหรือเนื้อเพลง ช่วยให้เข้าใจถึงความหมายและการนำไปใช้ได้ดีกว่าการจดจำแบบแห้งๆ ประการที่สอง คือการได้สัมผัสกับภาษาอังกฤษจริง ทั้งในแง่ของสำเนียงธรรมชาติ การออกเสียง และภาษาพูดที่ใช้กันในชีวิตประจำวัน ซึ่งอาจแตกต่างจากภาษาอังกฤษในตำราเรียน

นอกจากนี้ ความสนุกสนานและความชอบส่วนตัวเป็นแรงจูงใจชั้นดี ยิ่งเราชอบหนังเรื่องนั้นๆ หรือชอบศิลปินคนนั้น เรายิ่งมีโอกาสเปิดใจและมีวินัยในการฝึกฝนมากขึ้นโดยไม่รู้สึกว่าถูกบังคับ จิตใจที่ผ่อนคลายขณะรับชมหรือรับฟังสิ่งที่ชอบ จะเปิดรับการเรียนรู้ได้ดีกว่าการตั้งใจเรียนในสถานการณ์ตึงเครียด
ใช้หนังฝึกภาษาอังกฤษอย่างไรให้ได้ผล?
ไม่จำเป็นต้องเริ่มจากหนังที่ซับซ้อน เริ่มต้นจากสิ่งที่ตรงกับระดับและความสนใจ:
- เริ่มจากสิ่งที่ชอบ: เลือกซีรีส์หรือภาพยนตร์ประเภทที่คุณชื่นชอบอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นตลก แอ็คชั่น โรแมนติก หรือการ์ตูน การได้ดูเนื้อหาที่น่าติดตามจะทำให้การฝึกไม่น่าเบื่อ
- ใช้ซับไตเติลเป็นตัวช่วย: ในช่วงแรก อาจเริ่มต้นโดยเปิดซับไตเติลภาษาไทยเพื่อให้เข้าใจเนื้อเรื่องคร่าวๆ จากนั้น ค่อยเปลี่ยนมาใช้ซับไตเติลภาษาอังกฤษ (English Subtitles) เพื่อฝึกการฟังพร้อมกับอ่านตาม สุดท้าย เมื่อพร้อม ทดลองปิดซับไตเติลเพื่อฝึกฟังอย่างเต็มที่
- โฟกัสกับประโยคเด็ดหรือบทสนทนาสั้นๆ: เลือกฉากหรือบทพูดสั้นๆ ที่ประทับใจ หรือเป็นวลีที่ใช้บ่อยในชีวิตประจำวัน เช่น การทักทาย ถามไถ่ทุกข์สุข การสั่งอาหาร หัดฟังซ้ำและพยายามพูดตามให้เหมือนทั้งในแง่ของคำพูดและน้ำเสียง
- จดและทบทวน: พกสมุดโน๊ตหรือใช้แอพจดคำศัพท์ใหม่ สำนวน หรือประโยคที่น่าสนใจที่พบเจอระหว่างการดู แล้วนำมาทบทวนในภายหลัง
ใช้เพลงช่วยพัฒนาภาษาอังกฤษอย่างไร?
ดนตรีและบทเพลงเป็นเครื่องมือฝึกภาษาอังกฤษที่มีพลังมาก ด้วยทำนองและจังหวะที่ช่วยให้จดจำง่าย:
- ฝึกฟังและฟังซ้ำ: เลือกเพลงจังหวะไม่เร็วจนเกินไป และเป็นเพลงที่คุณชอบฟัง การฟังเพลงซ้ำๆ ช่วยให้หูคุ้นเคยกับเสียงภาษาอังกฤษ สำเนียง และน้ำเสียง
- อ่านเนื้อเพลง (Lyrics): ค้นหาเนื้อเพลงมากอ่านตามขณะฟัง ช่วยให้เห็นคำศัพท์ โครงสร้างประโยค และความหมายของเนื้อร้องที่อาจฟังไม่ทันหรือไม่เข้าใจ
- ร้องตาม! การได้ออกเสียงร้องตามเนื้อเพลง เป็นการฝึกออกเสียง (Pronunciation) และสำเนียง (Accent) ที่สนุกและเป็นธรรมชาติ พยายามเลียนแบบน้ำเสียงและจังหวะการออกเสียงของนักร้องให้ใกล้เคียงที่สุด
- เรียนรู้คำแสลงและสำนวน: เพลงมักเต็มไปด้วยคำแสลง (Slang) และสำนวนพูด (Idioms) ที่เป็นปัจจุบันและใช้กันในชีวิตจริง นี่คือโอกาสดีในการเรียนรู้ภาษาที่มีชีวิตชีวา
สำคัญคือไม่ต้องกดดันตัวเองให้เข้าใจทุกคำ การฝึกด้วยวิธีนี้เป็นกระบวนการสะสม เริ่มต้นด้วยการเข้าใจใจความสำคัญก่อน จับคำที่คุ้นหู และค่อยๆ ขยายความเข้าใจออกไปเรื่อยๆ
ข้อแนะนำเสริมเพื่อผลลัพธ์ที่ดี
เพื่อให้การฝึกมีประสิทธิภาพมากขึ้น:
- ทำสม่ำเสมอ: การฝึกฝนเป็นประจำสั้นๆ แต่บ่อยครั้ง (เช่น 20-30 นาทีต่อวัน) มักได้ผลดีกว่าการฝึกเป็นครั้งคราวนานๆ
- เลือกระดับให้เหมาะสม: เริ่มจากสื่อที่ตรงกับระดับความสามารถปัจจุบันของตัวเอง อย่าเพิ่งเริ่มด้วยหนังที่มีบทพูดซับซ้อนมากหรือเพลงแร็ปรัวเร็วเกินไป
- จดบันทึกความคืบหน้า: สังเกตพัฒนาการของตัวเอง เช่น เมื่อเริ่มจับคำศัพท์ในเพลงได้มากขึ้นโดยไม่ต้องดูเนื้อ หรือเริ่มเข้าใจบทสนทนาในหนังโดยไม่ต้องพึ่งซับไตเติลตลอดเวลา ความสำเร็จเล็กๆ เหล่านี้จะเป็นกำลังใจที่ดี
- ผสมผสานกับวิธีอื่น: การเรียนผ่านสื่อบันเทิงถือเป็นเครื่องมือที่ทรงพลัง แต่สามารถใช้ร่วมกับวิธีอื่นตามความเหมาะสม เช่น การใช้แอพพลิเคชันเรียนภาษา การพูดคุยกับชาวต่างชาติ หรือการอ่านหนังสือ เป็นต้น
การเรียนภาษาอังกฤษให้สนุกและได้ผลไม่จำเป็นต้องจำกัดอยู่ในห้องเรียนเสมอไป การใช้เวลากับสิ่งที่เราชื่นอยู่แล้ว เช่น การดูหนังดีๆ สักเรื่องหรือการฟังเพลงโปรด สามารถเปลี่ยนเป็นโอกาสทองในการพัฒนาทักษะภาษาได้อย่างไม่น่าเชื่อ แค่เริ่มจากสิ่งที่ชอบ และฝึกฝนอย่างต่อเนื่องเท่านั้นเอง