สำหรับบุคคลทั่วไปที่มีความจำเป็นต้องใช้ภาษาอังกฤษทั้งในชีวิตประจำวันหรือการทำงาน แต่ยังไม่มีความรู้พื้นฐานมาก่อน การเริ่มเรียนภาษาอังกฤษอาจเป็นความท้าทายที่ดูเหมือนยากเกินเอื้อม หลายคนประสบปัญหาการไม่กล้าพูดเพราะรู้สึกไม่มั่นใจ ไม่เข้าใจคำศัพท์เพียงพอ หรือเรียนแบบกลุ่มแล้วไม่ทันเพื่อน แต่ในปัจจุบันมีวิธีการเรียนที่แก้ไขปัญหาเหล่านี้ได้ตรงจุด
ทางออกสำหรับผู้เริ่มต้นเรียน
หลักสูตรเรียนภาษาอังกฤษตัวต่อตัวได้กลายเป็นทางเลือกสำคัญสำหรับผู้ที่ไม่มีพื้นฐานมาก่อนโดยเฉพาะ โดยอาจารย์ผู้สอนจะออกแบบบทเรียนเฉพาะบุคคล (Individual Learning Plan) ซึ่งแตกต่างจากการเรียนแบบกลุ่มที่ต้องเร่งตามแผนการสอนตายตัว โดยเริ่มประเมินระดับความสามารถที่แท้จริงของผู้เรียนก่อนตัดสินใจใช้แนวทางการสอน
- โฟกัสทักษะการสื่อสารจริง: จุดเด่นที่สำคัญคือผู้เรียนจะได้ฝึกพูดแบบเข้มข้นตลอดทั้งคาบเรียน ไม่มีสถานการณ์แบ่งเวลาให้ผู้อื่น ทำให้มีความมั่นใจมากขึ้นทุกครั้งที่ออกเสียง
- แก้ไขข้อผิดพลาดทันที: ผู้สอนสามารถจับจุดอ่อนของผู้เรียนได้อย่างตรงจุด เช่น ปัญหาการออกเสียง การเรียงประโยค หรือการใช้ไวยากรณ์ แล้วปรับการสอนให้เข้าใจง่ายขึ้น
- สร้างสภาพแวดล้อมปลอดภัย: ผู้เริ่มต้นหลายคนมีความกังวลเมื่อต้องพูดต่อหน้าคนจำนวนมาก แต่การเรียนตัวต่อตัวช่วยลดความกดดันนี้ลงอย่างมาก
เริ่มต้นอย่างไรให้พูดได้จริง
โปรแกรมสำหรับผู้ไม่มีพื้นฐานมักเน้นการสร้างรากฐานที่แข็งแรงผ่านกระบวนการเรียนแบบธรรมชาติ ผู้เชี่ยวชาญด้านการสอนภาษาพบว่าวิธีนี้มีประสิทธิภาพสูง เพราะมุ่งให้ผู้เรียนซึมซับโครงสร้างภาษาโดยไม่เน้นท่องจำ
- ใช้รูปภาพและสถานการณ์ใกล้ตัว: เรียนรู้คำศัพท์ในชีวิตประจำวันผ่านภาพและวัตถุจริง
- เน้นฟัง-พูดก่อน: เลียนแบบวิธีการเรียนภาษาแม่ (Language Acquisition Approach) โดยฝึกฟังประโยคสั้นๆ ซ้ำๆ จนสามารถตอบสนองได้โดยอัตโนมัติ
- เรียนแบบ Total Physical Response (TPR): เข้าใจความหมายผ่านการปฏิบัติตามคำสั่งง่ายๆ ทำให้จดจำได้ดีขึ้น
ทั้งนี้ระยะเวลาในการเริ่มสื่อสารได้อย่างเป็นธรรมชาติของผู้เริ่มต้นนั้นแตกต่างกันไปตามความถี่ในการเรียนและความทุ่มทนของผู้เรียนแต่ละคน อย่างไรก็ตาม เมื่อผ่านหลักสูตรในระยะเวลาหนึ่ง ส่วนใหญ่สามารถแนะนำตนเอง สั่งอาหาร ถามทาง และสนทนาประโยคพื้นฐานในชีวิตประจำวันได้โดยใช้โครงสร้างที่ถูกต้อง
ความยืดหยุ่นตามวิถีชีวิต
อีกปัจจัยที่ทำให้วิธีนี้ตอบโจทย์ผู้เรียนกลุ่มนี้คือการจัดตารางเวลาเรียนที่ยืดหยุ่น ผู้เรียนสามารถกำหนดวัน-เวลาเรียนได้ตามความสะดวก ปรับเปลี่ยนตามภารกิจส่วนตัวได้ ซึ่งช่วยลดข้ออ้างเรื่องความไม่พร้อมลงได้อย่างมาก
ด้วยกระบวนการเรียนที่เน้นการปฏิบัติจริงเป็นหลัก ทำให้แม้ผู้เรียนที่ไม่มีความรู้พื้นฐานมาก่อนก็สามารถพัฒนาทักษะการพูดภาษาอังกฤษอย่างเป็นธรรมชาติและต่อเนื่องได้ดีกว่าการเรียนในรูปแบบอื่นๆ ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นบนพื้นฐานของการเรียนรู้ที่ไม่มีสิ่งรบกวนและได้รับการเอาใจใส่อย่างเต็มที่จากผู้เชี่ยวชาญตลอดเส้นทางการเรียน