ไขข้อข้องใจ toeic ใช้ ทํา อะไร ทำไมบริษัทส่วนใหญ่ถึงต้องการคะแนนนี้

สวัสดีครับทุกคน วันนี้อยากจะมาแชร์ประสบการณ์ตรงๆ ของผมกับเจ้าตัว TOEIC เนี่ยแหละ ว่าเอาไปใช้ทำอะไรได้บ้าง หลายคนอาจจะเคยได้ยินชื่อ หรือกำลังคิดๆ อยู่ว่าจะไปสอบดีไหม ลองมาฟังจากคนที่เคยผ่านมาแล้วแบบผมดูนะครับ

ย้อนกลับไปสมัยผมเริ่มทำงานใหม่ๆ เลยนะ ตอนนั้นก็ยังงงๆ เบลอๆ กับชีวิตอยู่ ไม่ค่อยรู้เรื่องรู้ราวอะไรกับเค้าหรอก ไอ้เรื่องสอบวัดระดับภาษาอังกฤษอะไรพวกเนี้ย ยิ่งห่างไกลตัวเลย จนกระทั่งมีเหตุการณ์นึงที่ทำให้ผมต้องกระโดดเข้ามาวงการนี้แบบไม่ทันตั้งตัว

เรื่องมันเริ่มจากตอนที่ผมอยากจะเปลี่ยนงานครับ ตอนนั้นบริษัทเก่าก็ทำมาได้พักใหญ่ๆ แล้ว รู้สึกว่าอยากจะหาความท้าทายใหม่ๆ บ้าง ก็เลยเริ่มมองหางานใหม่ทีนี้แหละครับ ปัญหาเกิด! ไปเจอประกาศรับสมัครงานของบริษัทนึงที่น่าสนใจมาก เป็นบริษัทต่างชาติ สวัสดิการดี๊ดี แต่ในคุณสมบัติผู้สมัครเค้าดันมีวงเล็บตัวโตๆ ว่า “ต้องมีผลคะแนน TOEIC อย่างน้อย XXX คะแนน” ตอนนั้นใจแป้วเลยครับ อะไรวะ TOEIC คืออะไร แล้วจะไปสอบที่ไหน ยังไง คะแนนเท่าไหร่ถึงจะผ่านเกณฑ์เค้า

หลังจากตั้งสติได้ ผมก็เริ่มเลยครับ ขั้นแรกคือการหาข้อมูล ถามเพื่อน ถามรุ่นพี่ที่เคยสอบ อ่านรีวิวตามอินเทอร์เน็ตว่ามันคือการสอบเกี่ยวกับอะไร ต้องเตรียมตัวยังไงบ้าง ตอนนั้นก็รู้มาว่ามันเน้นวัดทักษะการใช้ภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสารทั่วไปในชีวิตประจำวันและการทำงาน ไม่ได้ยากแบบพวก TOEFL หรือ IELTS ที่เน้นเชิงวิชาการขนาดนั้น

ต่อมาก็คือการลงสนามจริง ไปสมัครสอบเลยครับ จำได้ว่าตื่นเต้นมาก วันสอบนี่มือไม้เย็นไปหมด กลัวทำไม่ได้ กลัวไม่ทันเวลา แต่ก็พยายามทำสมาธิแล้วก็ลุยเต็มที่ พอสอบเสร็จออกมานี่โล่งอกสุดๆ แต่ก็ต้องมารอลุ้นผลคะแนนอีก

พอผลคะแนนออกมา…โอ้! ก็ถือว่าโอเคเลยนะสำหรับคนที่ไม่เคยสอบมาก่อน ถึงแม้จะไม่ได้สูงเวอร์วังอะไร แต่ก็พอที่จะเอาไปใช้ยื่นสมัครงานที่ผมเล็งไว้ได้ แล้วหลังจากนั้นแหละครับ ผมถึงได้รู้ว่าไอ้เจ้าใบรายงานผลคะแนน TOEIC แผ่นเล็กๆ เนี่ย มันมีประโยชน์มากกว่าที่ผมคิดไว้เยอะเลย

แล้ว TOEIC มันใช้ทำอะไรได้บ้างล่ะ? จากประสบการณ์ของผมนะ…

อย่างแรกเลย และน่าจะเป็นเหตุผลหลักของหลายๆ คน ก็คือ “ใช้สมัครงาน”

• บริษัทเยอะมากครับ โดยเฉพาะบริษัทใหญ่ๆ บริษัทข้ามชาติ หรือบริษัทที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับการท่องเที่ยว โรงแรม การบิน พวกนี้เค้าจะขอดูคะแนน TOEIC เป็นหลักเลย บางที่กำหนดคะแนนขั้นต่ำไว้ชัดเจน ถ้าคะแนนไม่ถึง เค้าก็อาจจะไม่พิจารณาใบสมัครเราเลยด้วยซ้ำ ผมเองก็ได้งานใหม่จากบริษัทที่เล็งไว้ตอนนั้น ส่วนหนึ่งก็เพราะมีคะแนน TOEIC ไปยื่นนี่แหละ

• เพื่อนผมบางคนทำงานสายบริการลูกค้าที่ต้องดีลกับคนต่างชาติ ก็ต้องใช้คะแนน TOEIC เหมือนกันครับ มันเหมือนเป็นใบเบิกทางให้เค้ามั่นใจว่าเราสื่อสารได้จริง

ต่อมาคือ “ใช้สำหรับการปรับเงินเดือน หรือ เลื่อนตำแหน่ง”

• อันนี้เรื่องจริงเลยนะ ที่ทำงานเก่าของผมก็มีนโยบายนี้เหมือนกันครับ คือถ้าใครมีคะแนน TOEIC ถึงเกณฑ์ที่บริษัทกำหนด ก็จะได้ค่าภาษาเพิ่มในแต่ละเดือน หรือบางทีก็มีผลต่อการพิจารณาเลื่อนตำแหน่งด้วย เพราะเค้ามองว่าคนที่มีทักษะภาษาดี ก็มีโอกาสที่จะเติบโตในสายงานได้มากกว่า โดยเฉพาะตำแหน่งที่ต้องติดต่อประสานงานกับต่างประเทศ

  

• ผมเองก็เคยได้อานิสงส์จากตรงนี้มาบ้างนิดหน่อย ตอนนั้นพอได้คะแนนมาใหม่ๆ ก็เอาไปยื่นให้ฝ่ายบุคคล เค้าก็มีการปรับโครงสร้างให้เล็กน้อย ก็ถือว่าเป็นกำลังใจที่ดีเลยครับ

นอกจากเรื่องงานแล้ว ก็มี “ใช้สำหรับการศึกษาต่อ”

• อันนี้อาจจะไม่ใช่ทุกคน แต่ก็มีบางกรณีครับ เช่น เพื่อนผมคนนึงอยากเรียนต่อปริญญาโท หลักสูตรนานาชาติในมหาวิทยาลัยในไทยนี่แหละ ทางมหาวิทยาลัยเค้าก็ขอดูผลคะแนน TOEIC หรือผลสอบภาษาอังกฤษอื่นๆ เพื่อประกอบการพิจารณาว่าเรามีความพร้อมด้านภาษาพอที่จะเรียนในหลักสูตรเค้าได้ไหม

สุดท้าย สำหรับผมเองนะ ผมมองว่ามันคือ “การวัดระดับความสามารถของตัวเอง และสร้างความมั่นใจ”

• การที่เรามีผลคะแนน TOEIC ติดตัวไว้ อย่างน้อยมันก็ทำให้เรารู้ว่าทักษะภาษาอังกฤษของเราอยู่ในระดับไหน พอที่จะเอาไปใช้ในชีวิตจริงได้มากน้อยแค่ไหน และพอเรามีตัวเลขมายืนยัน มันก็ช่วยเสริมความมั่นใจให้เรากล้าที่จะใช้ภาษาอังกฤษมากขึ้นด้วยนะ เวลาต้องพูดคุยหรืออีเมลกับชาวต่างชาติ มันก็จะไม่ค่อยเกร็งเหมือนเมื่อก่อน

สรุปแล้ว จากประสบการณ์ตรงที่ผมคลุกคลีมากับการใช้คะแนน TOEIC นะครับ ผมว่ามันก็เป็นเครื่องมือหนึ่งที่สำคัญเหมือนกันนะในยุคนี้ โดยเฉพาะสำหรับคนที่ทำงานในองค์กร หรืออยากจะก้าวหน้าในสายอาชีพที่ต้องใช้ภาษาอังกฤษ มันไม่ใช่แค่กระดาษแผ่นเดียวจริงๆ แต่มันเป็นเหมือนบัตรผ่านที่ช่วยเปิดโอกาสให้เราได้หลายอย่างเลย ใครที่กำลังคิดๆ อยู่ ผมก็อยากจะบอกว่า ลองไปสอบดูเถอะครับ ไม่เสียหายอะไร อย่างน้อยก็ได้รู้ศักยภาพของตัวเอง ดีไม่ดี อาจจะเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในชีวิตคุณเลยก็ได้นะ!